๖๐    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๖๒
เพื่อจะตรัสถึงบุคคลแม้ผู้ถึงพร้อมด้วยทัสสนะ    แม้จะอยู่ด้วยความประมาท
ด้วยคุณคือการไม่ปกปิดสิ่งที่ตนได้กระทำไปแล้วว่า     พระโสดาบันผู้ถึงพร้อม
ด้วยทัสสนะ   หาใช่เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะกระทำอภิฐาน ๖ อย่างเดียวไม่  แต่ท่าน
ได้เคยทำแม้บาปเล็กน้อยไร ๆ แล้ว    ก็ไม่ควรแม้เพื่อจะปกปิดบาปนั้น      ดังนี้
จึงได้ทรงเริ่มว่า  กิญฺจาปิ  โส  กมฺมํ    กโรติ  ปาปกํ  พระอริยบุคคลนั้น
แม้จะทำบาปกรรมก็จริง  ดังนี้เป็นต้น.
         เนื้อความแห่งบาทพระคาถานั้น  ว่า  พระอริยบุคคลนั้น ผู้ถึงพร้อมด้วย
ทัสสนะ   อาศัยความอยู่ด้วยความประมาท  เพราะความหลงลืมสติบ้าง  ก็งดเว้น
การล่วงละเมิดด้วยการจงใจที่เป็นโลกวัชชะ    ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหมาย
เอาว่า  สาวกทั้งหลายของเราย่อมไม่ก้าวล่วงสิกขาบท  ที่เราบัญญัติไว้เพื่อสาวก
ทั้งหลาย    แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต   ดังนี้.   ย่อมกระทำปาปกรรมอย่างอื่น  มี
กุฏิการสหไสยา  (คือการนอนในกุฏิเดียวกันกับอนุปสัมบันเกิน ๓ คืน หรือใน
กุฏิเดียวกันกับมาตุคามแม้คืนเดียว) ด้วยกายหรือกระทำบาปกรรมมีการก้าวล่วง
สิกขาบท    ที่เป็นปทโสธัมมะ  (การสอนธรรมแก่อนุปสัมบันโดยว่าพร้อมกัน)
อุตฺตรึฉปฺปญฺจวาจาธมฺมเทสนา     (การแสดงธรรมแก่มาตุคาม    ซึ่งไม่มี
ผู้ชายเป็นเพื่อนเกิน ๕-๖ คำ)    การพูดเพ้อเจ้อ    และการพูดส่อเสียดเป็นต้น
ด้วยวาจา  หรือว่าทำบาปกรรมมีการไม่พิจารณา  แล้วใช้สอยเป็นต้น    ในการ
ยินดีเงินและทองเป็นต้น  ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดโลภะ   โทสะ   และการใช้สอยจีวร
เป็นต้น   พระอริยบุคคลนั้น  ไม่ควรเพื่อจะปกปิดกรรมนั้น    พระอริยบุคคลนั้น
รู้ว่า  กรรมนี้เป็นสิ่งไม่ควร    ตนไม่ควรกระทำ    แม้จะปกปิดไว้ครู่เดียวแต่ก็
หน้า ๖๑