| เปิดเผยเสียในศาสดา หรือในเพื่อนสพรหมจารีผู้รู้ ย่อมกระทำคืนเสียตามธรรม |
| ในขณะนั้นนั่นเอง หรือว่าสำรวมในสิ่งที่ควรสำรวมอย่างนี้ว่า เราจักไม่ทำอีก. |
| ถามว่า เพราะเหตุไร จึงไม่ควรกล่าวถึงทิฏฐิบท. |
| ตอบว่า เพราะความที่บุคคลผู้มีธรรมคือพระนิพพานอันตนเห็นแล้ว |
| เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะปกปิดกรรมนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้แล้ว อธิบายว่า |
| ความที่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทัสสนะ ผู้มีบทคือพระนิพพานอันตนเห็นแล้ว |
| กระทำบาปกรรมแม้ปานนั้น ไม่ควรเพื่อจะปกปิดกรรมนั้น. |
| ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ อย่างไร ? |
| ตอบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย เด็กอ่อนยัง |
| เยาว์นอนหงาย ใช้มือหรือเท้าถูกถ่านเพลิง ก็จะพึงหดกลับได้เร็วพลัน ฉันใด |
| ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมดาของบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิก็ฉันนั้นเหมือนกัน |
| พระอริยบุคคลนั้นแม้จะต้องอาบัติก็จริง การออกจากอาบัติเห็นปานนั้นปรากฏ |
| อยู่ ถึงกระนั้นพระอริยบุคคลนั้นก็แสดงเปิดเผยทำให้แจ้งในพระศาสดา หรือ |
| ในเพื่อนสพรหมจารีผู้รู้ ครั้นแสดงเปิดเผยทำให้แจ้งแล้ว ก็สำรวมระวังต่อ |
| ไป ดังนี้. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงคุณของพระสังฆรัตนะ ผู้ถึงพร้อม |
| ด้วยทัสสนะ เเม้อยู่ด้วยความประมาท ด้วยคุณคือการไม่ปกปิดกรรมที่ตนทำ |
| แล้ว อย่างนี้แล้ว บัดนี้ ทรงอาศัยคุณข้อนั้นนั่นเอง จึงทรงประกอบสัจวาจาว่า |
| อิทมฺปิ สงฺเฆ รตนํ ปณีตํ เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตุ. |