| เนื้อความแห่งพระคาถานั้น ผู้ศึกษาพึงทราบโดยนัยที่กล่าวแล้วใน |
| ตอนต้นนั้นเอง อาชญาแห่งคาถาแม้นี้ อันอมนุษย์ทั้งหลายในแสนโกฏิจักรวาล |
| รับแล้ว. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงสัจจะอันเป็นสังฆาธิษฐาน แห่ง |
| บุคคลทั้งหลายผู้นับเนื่องในพระสงฆ์ ด้วยการประกาศคุณนั้น ๆ อย่างนี้แล้ว |
| บัดนี้ ทรงอาศัยแม้พระปริยัติธรรม ที่พระองค์เมื่อทรงแสดงคุณของพระรัตน- |
| ตรัยได้ทรงแสดงไว้ โดยสังเขปในที่นี้และโดยพิสดารในที่อื่น เมื่อจะกล่าว |
| สัจจะอันเป็นพุทธาธิษฐาน มีพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง อาศัยปริยัติธรรมเเม้นั้น |
| จึงทรงเริ่มอีกว่า วนปฺปคุมฺเพ ยถา ผุสฺสิตคฺเค เป็นต้น |
| พึงทราบวินิจฉัยในคาถานั้น ดังต่อไปนี้ :- |
| หมู่แห่งไม้ทั้งหลาย ซึ่งตั้งอยู่แล้ว คือตั้งขึ้นแล้ว ด้วยการขึ้นหนาแน่น |
| ชื่อว่า วนํ ป่า. |
| พุ่มไม้ ซึ่งเจริญแล้วด้วยราก แก่น กระพี้ เปลือก กิ่งและใบทั้งหลาย |
| ชื่อว่า ปคุมโพ พุ่มไม้. |
| พุ่มไม้ในป่าชื่อว่า วนปฺปคุมโพ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคำว่า |
| วนปฺปคุมโพ นี้นั้น. (เป็นสัตตมีวิภัตติ) ว่า วนปฺปคุมเพ ก็แม้เมื่อเป็น |
| อย่างนี้ ใคร ๆ ก็อาจจะกล่าวได้ว่า วนสณฺโฑ (ชัฎแห่งป่า) ไพรสณฑ์ |
| เหมือนอย่างคำทั้งหลายมีคำเป็นต้นว่า อตฺถิ สวิตกฺกสวิจาเร อตฺถิ อวิ- |
| ตกฺกอวจารมตฺเต สุเข ทุกฺเข ชีเว ดังนี้. |
| คำว่า ยถา เป็นคำอุปมา ยอดของต้นไม้นั้นบานแล้ว เหตุนั้น |
| ต้นไม้นั้น ชื่อว่า ผุสิตคฺเค มียอดบานแล้ว อธิบายว่า มีดอกเกิดแล้ว |
| ที่กิ่งน้อยกิ่งใหญ่ทุกกิ่ง. |