๖๔    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๖๖
         ก็ในคำว่า  ปรมํ  หิตาย  นี้  เป็นอนุนาสิก (นิคคหิต  ออกเสียงขึ้น
จมูก)  พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้  เพื่อสะดวกในการประพันธ์คาถา    แต่เนื้อ
ความมีดังนี้ว่า  พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดง (ธรรมอันประเสริฐ) เพื่อพระ
นิพพานอันมีประโยชน์เกื้อกูลอย่างยิ่ง ดังนี้.
         พระผู้มีพระภาคเจ้า   ครั้นทรงแสดงพระปริยัติธรรมอันเช่นกับพุ่มไม้
ในป่าที่มียอดคือดอกบานสะพรั่งนี้อย่างนี้แล้ว  บัดนี้ทรงอาศัยคุณข้อนั้นนั่นเอง
ทรงประกอบสัจวาจาเป็นพุทธาธิษฐานว่า   อิทมฺปิ   พุทฺเธ    รตนํ   ปณีตํ
เอเตน  สจฺเจน  สุวตฺถิ  โหตุ.
         เนื้อความแห่งพระคาถานั้น    พึงทราบโดยนัยที่กล่าวไว้แล้วในตอนต้น
แต่ก็พึงประกอบบทอย่างเดียว  อย่างนี้ว่า    พุทธรัตนะกล่าวคือ    พระปริยัติ-
ธรรม  มีประการตามที่กล่าวแล้วแม้นั้น    เป็นรัตนะอันประณีต    อาชญาแห่ง
คาถาแม้นี้     อันอมนุษย์ทั้งหลายในแสนโกฏิจักรวาลรับแล้ว.
         พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสสัจจะเป็นพุทธาธิษฐานด้วยอำนาจพระ
ปริยัติธรรมอย่างนี้แล้ว    บัดนี้เพื่อจะตรัสด้วยโลกุตรธรรมจึงทรงเริ่มว่า วโร
วรญฺญู  วรโท  วราหโร  ดังนี้เป็นต้น.
         บรรดาบทเหล่านั้น    บทว่า   วโร    ความว่า    ผู้อันชนทั้งหลาย
ผู้มีอธิมุตติอันประณีต  ปรารถนาแล้วว่า  โอ !  หนอ  แม้พวกเราพึงเป็นเช่นนี้
อีกอย่างหนึ่ง   ที่ชื่อว่า  วโร  ประเสริฐ   เพราะประกอบด้วยคุณที่ประเสริฐ
อธิบายว่า  เป็นผู้สูงสุด  คือประเสริฐที่สุด.
หน้า ๖๕