| ปัญญาธิษฐาน ชื่อว่า ทรงประทานสิ่งที่ประเสริฐ เพราะทำให้บริบูรณ์ในจาคา- |
| ธิษฐาน. ชื่อว่า ทรงนำสิ่งที่ประเสริฐมาให้ เพราะทำให้บริบูรณ์ในสัจจาธิษฐาน |
| ชื่อว่า ผู้ทรงนำมาซึ่งมัคคสัจจะอันประเสริฐ. |
| อีกอย่างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ชื่อว่า ประเสริฐ เพราะ |
| เป็นที่ตั้งแห่งบุญ ชื่อว่า ทรงรู้สิ่งอันประเสริฐ เพราะเป็นที่ตั้งแห่งปัญญา ชื่อ |
| ว่า ทรงประทานสิ่งอันประเสริฐ เพราะทรงประทานอุบายนั้น ๆ แก่ชนทั้งหลาย |
| ผู้ต้องการความเป็นพุทธะ ชื่อว่า ทรงนำมาซึ่งสิ่งอันประเสริฐ เพราะทรงนำมา |
| ซึ่งอุบายนั้น ๆ แก่ชนทั้งหลายผู้ต้องการเป็นพระปัจเจกพุทธะ ชื่อว่า เป็นผู้ |
| ประเสริฐ เพราะไม่มีใครจะเสมอเหมือนในคุณนั้น ๆ หรือว่าเพราะพระองค์ |
| เป็นผู้ไม่มีอาจารย์ หรือเพราะพระองค์เป็นอาจารย์ของชนเหล่าอื่น ชื่อว่า ได้ทรง |
| แสดงพระธรรมอันประเสริฐ เพราะทรงแสดงพระธรรมอันประเสริฐ อันประกอบ |
| ด้วยคุณ มีความเป็นสวากขาตธรรมเป็นต้น เพื่อคุณนั้น ๆ แก่ชนทั้งหลาย |
| ผู้ต้องการเป็นสาวก คำที่เหลือมีนัยอันข้าพเจ้ากล่าวแล้วนั้นแหละ ดังนี้แล. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นตรัสคุณของพระองค์ด้วยโลกุตรธรรม ๙ |
| อย่าง อย่างนี้แล้ว บัดนี้ทรงอาศัยพระคุณข้อนั่นเอง จึงทรงประกอบสัจวาจา |
| อันเป็นพุทธาธิษฐานว่า อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ เอเตน สจฺเจน |
| สุวตฺถิ โหตุ. |
| เนื้อความแห่งพระคาถานั้น อันผู้ศึกษาพึงทราบโดยนัยอันข้าพเจ้า |
| กล่าวไว้ในตอนต้นนั้นแล แต่ในที่นี้พึงทราบโยชนาอย่างนี้อย่างเดียวว่า พระ |
| ผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้ ได้ทรงทราบโลกุตตรธรรมอันประเสริฐใด ได้ทรง |