๖๖    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๖๘
ปัญญาธิษฐาน  ชื่อว่า ทรงประทานสิ่งที่ประเสริฐ  เพราะทำให้บริบูรณ์ในจาคา-
ธิษฐาน. ชื่อว่า ทรงนำสิ่งที่ประเสริฐมาให้ เพราะทำให้บริบูรณ์ในสัจจาธิษฐาน
ชื่อว่า  ผู้ทรงนำมาซึ่งมัคคสัจจะอันประเสริฐ.
         อีกอย่างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ชื่อว่า ประเสริฐ  เพราะ
เป็นที่ตั้งแห่งบุญ    ชื่อว่า  ทรงรู้สิ่งอันประเสริฐ  เพราะเป็นที่ตั้งแห่งปัญญา  ชื่อ
ว่า ทรงประทานสิ่งอันประเสริฐ เพราะทรงประทานอุบายนั้น   ๆ แก่ชนทั้งหลาย
ผู้ต้องการความเป็นพุทธะ ชื่อว่า  ทรงนำมาซึ่งสิ่งอันประเสริฐ  เพราะทรงนำมา
ซึ่งอุบายนั้น  ๆ  แก่ชนทั้งหลายผู้ต้องการเป็นพระปัจเจกพุทธะ   ชื่อว่า  เป็นผู้
ประเสริฐ    เพราะไม่มีใครจะเสมอเหมือนในคุณนั้น ๆ  หรือว่าเพราะพระองค์
เป็นผู้ไม่มีอาจารย์ หรือเพราะพระองค์เป็นอาจารย์ของชนเหล่าอื่น ชื่อว่า ได้ทรง
แสดงพระธรรมอันประเสริฐ เพราะทรงแสดงพระธรรมอันประเสริฐ อันประกอบ
ด้วยคุณ  มีความเป็นสวากขาตธรรมเป็นต้น   เพื่อคุณนั้น ๆ   แก่ชนทั้งหลาย
ผู้ต้องการเป็นสาวก  คำที่เหลือมีนัยอันข้าพเจ้ากล่าวแล้วนั้นแหละ  ดังนี้แล.
         พระผู้มีพระภาคเจ้า    ครั้นตรัสคุณของพระองค์ด้วยโลกุตรธรรม ๙
อย่าง  อย่างนี้แล้ว   บัดนี้ทรงอาศัยพระคุณข้อนั่นเอง   จึงทรงประกอบสัจวาจา
อันเป็นพุทธาธิษฐานว่า   อิทมฺปิ  พุทฺเธ   รตนํ  ปณีตํ  เอเตน  สจฺเจน
สุวตฺถิ  โหตุ.
         เนื้อความแห่งพระคาถานั้น         อันผู้ศึกษาพึงทราบโดยนัยอันข้าพเจ้า
กล่าวไว้ในตอนต้นนั้นแล   แต่ในที่นี้พึงทราบโยชนาอย่างนี้อย่างเดียวว่า   พระ
ผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้   ได้ทรงทราบโลกุตตรธรรมอันประเสริฐใด  ได้ทรง
หน้า ๖๗