| ประทานโลกุตตรธรรม ๙ อันประเสริฐใด ได้ทรงนำมา ซึ่งโลกุตตรธรรม ๙ |
| อันประเสริฐใด และได้ทรงแสดงโลกุตตรธรรม ๙ อันประเสริฐใด พุทธรัตนะ |
| แม้นี้ เป็นรัตนะอันประณีต ดังนี้ อาชญาแห่งคาถาแม้นี้ อันอมนุษย์ทั้งหลาย |
| ในแสนโกฏิจักรวาลรับเเล้ว. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงอาศัยพระปริยัติธรรมและโลกุตตรธรรม |
| ตรัสสัจจะอันเป็นพุทธาธิษฐานด้วย ๒ พระคาถาอย่างนี้แล้ว บัดนี้ทรงอาศัย |
| คุณคือการบรรลุอนุปาทิเสสนิพพานแห่งท่านทั้งหลายผู้ได้ฟังพระปริยัติธรรม |
| นั้นแล้ว และได้ปฏิบัติตามกระแสแห่งธรรมที่ได้ฟังมาแล้ว ก็ได้บรรลุโลกุตตร- |
| ธรรม ๙ ประการ เพื่อจะตรัสสัจวาจาอันเป็นสังฆาธิษฐานอีก จึงทรงเริ่มว่า |
| ขีณํ ปุราณํ นวํ นตฺถิ สมฺภวํ. |
| ในบรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ขีณํ ได้แก่ สิ้นรอบแล้ว หรือตัด |
| ได้เด็ดขาดแล้ว |
| บทว่า ปุราณํ ได้แก่ เก่า |
| บทว่า นวํ ได้แก่ ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบัน |
| บทว่า นตฺถิสมฺภวํ ได้แก่ ความปรากฏว่าไม่มีอยู่. |
| บทว่า วิรตฺตจิตฺตา ได้แก่ เป็นผู้มีจิตปราศจากราคะ. |
| สองบทว่า อายติเก ภวสฺมึ ได้แก่ในอนาคตกาล คือในภพใหม่. |
| บทว่า เต ความว่า ท่านเหล่าใดมีกรรมเก่าสิ้นแล้ว กรรมใหม่ก็ |
| ไม่มี และท่านเหล่าใด มีจิตปราศจากราคะในภพต่อไป ท่านเหล่านั้น ชื่อว่า |
| ภิกษุขีณาสพ. |