๖๗    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๖๙
ประทานโลกุตตรธรรม ๙  อันประเสริฐใด  ได้ทรงนำมา  ซึ่งโลกุตตรธรรม  ๙
อันประเสริฐใด  และได้ทรงแสดงโลกุตตรธรรม  ๙  อันประเสริฐใด  พุทธรัตนะ
แม้นี้  เป็นรัตนะอันประณีต ดังนี้    อาชญาแห่งคาถาแม้นี้   อันอมนุษย์ทั้งหลาย
ในแสนโกฏิจักรวาลรับเเล้ว.
         พระผู้มีพระภาคเจ้า       ทรงอาศัยพระปริยัติธรรมและโลกุตตรธรรม
ตรัสสัจจะอันเป็นพุทธาธิษฐานด้วย ๒ พระคาถาอย่างนี้แล้ว      บัดนี้ทรงอาศัย
คุณคือการบรรลุอนุปาทิเสสนิพพานแห่งท่านทั้งหลายผู้ได้ฟังพระปริยัติธรรม
นั้นแล้ว  และได้ปฏิบัติตามกระแสแห่งธรรมที่ได้ฟังมาแล้ว  ก็ได้บรรลุโลกุตตร-
ธรรม ๙ ประการ  เพื่อจะตรัสสัจวาจาอันเป็นสังฆาธิษฐานอีก    จึงทรงเริ่มว่า
ขีณํ  ปุราณํ  นวํ  นตฺถิ  สมฺภวํ.
         ในบรรดาบทเหล่านั้น   บทว่า ขีณํ  ได้แก่ สิ้นรอบแล้ว   หรือตัด
ได้เด็ดขาดแล้ว
         บทว่า  ปุราณํ  ได้แก่  เก่า
         บทว่า  นวํ  ได้แก่ ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบัน
         บทว่า  นตฺถิสมฺภวํ  ได้แก่ ความปรากฏว่าไม่มีอยู่.
         บทว่า  วิรตฺตจิตฺตา  ได้แก่  เป็นผู้มีจิตปราศจากราคะ.
         สองบทว่า  อายติเก ภวสฺมึ ได้แก่ในอนาคตกาล  คือในภพใหม่.
         บทว่า  เต   ความว่า  ท่านเหล่าใดมีกรรมเก่าสิ้นแล้ว     กรรมใหม่ก็
ไม่มี   และท่านเหล่าใด  มีจิตปราศจากราคะในภพต่อไป  ท่านเหล่านั้น  ชื่อว่า
ภิกษุขีณาสพ.
หน้า ๖๘