๖๘    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๗๐
         บทว่า     ขีณพีชา  ได้แก่  มีพืชตัดขาดแล้ว.
         บทว่า  อวิรูฬฺหิฉนฺทา  คือ  เว้นจากความพอใจที่เจริญขึ้น.
         บทว่า  นิพฺพนฺติ  ได้แก่ ย่อมดับ.
         บทว่า  ธีรา  ได้แก่ ผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญา.
         สองบทว่า  ยถายมฺปทีโป  ได้แก่ เปรียบเหมือนประทีปนี้.
         มีคำถามว่า    ท่านอธิบายไว้อย่างไร  ?  ตอบว่า     ท่านอธิบายไว้ว่า
กรรมใดซึ่งเป็นกรรมเก่า  ได้แก่เป็นกรรมในอดีต     แม้ซึ่งเกิดแก่สัตว์ทั้งหลาย
แล้วดับไป  ชื่อว่าผลไม่สิ้นแล้วนั่นเอง   เพราะสามารถจะนำปฏิสนธิมา   เหตุที่
ยังละยางเหนียวคือตัณหาไม่ได้  กรรมเก่านั้นของสัตว์เหล่าใด  ชื่อว่า  สิ้นแล้ว
เพราะไม่สามารถจะให้วิบากต่อไปได้      เนื่องจากยางเหนียวคือตัณหาได้เหือด
แห้งไป ด้วยอรหัตมรรคญาณ เปรียบประดุจพืชที่ไฟไหม้แล้วฉะนั้น   และกรรม
อันใดของสัตว์เหล่านั้น   ซึ่งเป็นไปอยู่ในปัจจุบัน     ด้วยสามารถแห่งการบูชา
พระพุทธเจ้าเป็นต้น   พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกว่า  กรรมใหม่  ก็กรรมใหม่
นั้นของชนเหล่าใด  ชื่อว่าไม่มีสมภพ เพราะไม่สามารถจะให้ผลต่อไปได้ เพราะ
ประหาณตัณหาแล้วนั่นแหละ     เปรียบประดุจดอกไม้ที่หลุดจากขั้วแล้วฉะนั้น
และชนทั้งหลายเหล่าใด  ชื่อว่า  คลายกำหนัดในภพต่อไปได้แล้ว   เพราะละ
เสียได้ซึ่งตัณหานั้นเอง ชนทั้งหลายเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นภิกษุขีณาสพ  ชื่อว่า มี
พืชสิ้นแล้ว  เพราะสิ้นปฏิสนธิวิญญาณซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในคาถานี้ว่า
กมฺมํ เขตฺตํ วิญฺาณํ พีชํ กรรม เป็นเนื้อนา วิญญาณ เป็นพืช ดังนี้
๑. อัง. ติก ๒๐/ ข้อ ๕๑๗.
หน้า ๖๙