๘๘    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๙๐
ปฏิสนธิและการคลอดจากครรภ์ของพระโพธิสัตว์  และอัครสาวกทั้งสองนั้น   ได้
มีแล้วในวันเดียวกันนั่นเอง  ด้วยประการฉะนี้    ญาติทั้งหลายได้ตั้งชื่อบุตรของ
พราหมณ์คนหนึ่งว่า  กัสสปะ  บุตรของพราหมณ์คนหนึ่งว่า  ติสสะ  ในวันเดียว
กันนั้นเอง.   เด็กทั้งสองเหล่านั้นเป็นสหายเล่นฝุ่นกันมา    ได้ถึงความเจริญวัย
โดยลำดับ.  บิดาของติสสะได้สั่งลูกชายว่า   ดูก่อนพ่อ   สหายกัสสปะนี้ออกบวช
แล้ว   จะเป็นพระพุทธเจ้า  แม้เจ้าเองบวชในสำนักของพระพุทธเจ้า   พระนาม
ว่ากัสสปะนั้นแล้ว      ก็จะพึงทำการสลัดออกจากภพเสียได้.     ติสสะนั้นรับว่า
ดีละ  แล้วก็ไปยังสำนักของพระโพธิสัตว์กล่าวว่า  ดูก่อนสหาย   แม้เราทั้งสอง
จักบรรพชาด้วยกัน. พระโพธิสัตว์รับว่า  ดีละ.  ต่อจากนั้นในกาลที่สหายทั้งสอง
เจริญวัยโดยลำดับ  ติสสะพูดกับพระโพธิสัตว์ว่า  สหาย   มาเถิดเราจะบรรพชา
ด้วยกัน.   พระโพธิสัตว์มิได้ออกบรรพชา.     ติสสะคิดว่า   ญาณของสหายนั้น
ยังไม่ถึงกาลแก่รอบก่อน  ดังนี้แล้ว     ตนเองจึงได้ออกบวชเป็นฤาษี   ให้สร้าง
อาศรมอยู่ที่เชิงภูเขาในป่า.   ในสมัยต่อมา  แม้พระโพธิสัตว์  ทั้ง ๆ ที่ดำรงอยู่
ในเรือนนั้นเอง   ก็กำหนดอานาปานสติ  ทำฌาน  ๔  และอภิญญาให้บังเกิดขึ้น
แล้วเสด็จไปที่ใกล้โคนต้นโพธิด้วยปราสาท    (ด้วยฤทธิ์)   แล้วอธิษฐานอีกว่า
ขอปราสาทจงดำรงอยู่ในที่ตามเดิมนั้นแล.    ปราสาทนั้นก็ไปประดิษฐานอยู่ใน
ที่ของตนตามเดิม.  ได้ยินว่าพระโพธิสัตว์ที่มิใช่บรรพชิต  ไม่อาจจะเข้าถึงโคน
ต้นโพธิได้   เพราะฉะนั้น พระโพธิสัตว์บรรพชาแล้วจึงไปถึงโคนต้นโพธิ   นั่ง
ทำความเพียรอยู่ ๗ วัน    ทำให้แจ้งแล้วซึ่งสัมโพธิญาณโดยใช้เวลา ๗ วัน.
         ณ  กาลครั้งนั้น   ที่ป่าอิสิปตนะมีบรรพชิตอยู่ถึง ๒ หมื่นรูป  ครั้งนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ    ตรัสเรียกบรรพชิตเหล่านั้นมาแล้ว
หน้า ๘๙