| ปฏิสนธิและการคลอดจากครรภ์ของพระโพธิสัตว์ และอัครสาวกทั้งสองนั้น ได้ |
| มีแล้วในวันเดียวกันนั่นเอง ด้วยประการฉะนี้ ญาติทั้งหลายได้ตั้งชื่อบุตรของ |
| พราหมณ์คนหนึ่งว่า กัสสปะ บุตรของพราหมณ์คนหนึ่งว่า ติสสะ ในวันเดียว |
| กันนั้นเอง. เด็กทั้งสองเหล่านั้นเป็นสหายเล่นฝุ่นกันมา ได้ถึงความเจริญวัย |
| โดยลำดับ. บิดาของติสสะได้สั่งลูกชายว่า ดูก่อนพ่อ สหายกัสสปะนี้ออกบวช |
| แล้ว จะเป็นพระพุทธเจ้า แม้เจ้าเองบวชในสำนักของพระพุทธเจ้า พระนาม |
| ว่ากัสสปะนั้นแล้ว ก็จะพึงทำการสลัดออกจากภพเสียได้. ติสสะนั้นรับว่า |
| ดีละ แล้วก็ไปยังสำนักของพระโพธิสัตว์กล่าวว่า ดูก่อนสหาย แม้เราทั้งสอง |
| จักบรรพชาด้วยกัน. พระโพธิสัตว์รับว่า ดีละ. ต่อจากนั้นในกาลที่สหายทั้งสอง |
| เจริญวัยโดยลำดับ ติสสะพูดกับพระโพธิสัตว์ว่า สหาย มาเถิดเราจะบรรพชา |
| ด้วยกัน. พระโพธิสัตว์มิได้ออกบรรพชา. ติสสะคิดว่า ญาณของสหายนั้น |
| ยังไม่ถึงกาลแก่รอบก่อน ดังนี้แล้ว ตนเองจึงได้ออกบวชเป็นฤาษี ให้สร้าง |
| อาศรมอยู่ที่เชิงภูเขาในป่า. ในสมัยต่อมา แม้พระโพธิสัตว์ ทั้ง ๆ ที่ดำรงอยู่ |
| ในเรือนนั้นเอง ก็กำหนดอานาปานสติ ทำฌาน ๔ และอภิญญาให้บังเกิดขึ้น |
| แล้วเสด็จไปที่ใกล้โคนต้นโพธิด้วยปราสาท (ด้วยฤทธิ์) แล้วอธิษฐานอีกว่า |
| ขอปราสาทจงดำรงอยู่ในที่ตามเดิมนั้นแล. ปราสาทนั้นก็ไปประดิษฐานอยู่ใน |
| ที่ของตนตามเดิม. ได้ยินว่าพระโพธิสัตว์ที่มิใช่บรรพชิต ไม่อาจจะเข้าถึงโคน |
| ต้นโพธิได้ เพราะฉะนั้น พระโพธิสัตว์บรรพชาแล้วจึงไปถึงโคนต้นโพธิ นั่ง |
| ทำความเพียรอยู่ ๗ วัน ทำให้แจ้งแล้วซึ่งสัมโพธิญาณโดยใช้เวลา ๗ วัน. |
| ณ กาลครั้งนั้น ที่ป่าอิสิปตนะมีบรรพชิตอยู่ถึง ๒ หมื่นรูป ครั้งนั้น |
| พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ ตรัสเรียกบรรพชิตเหล่านั้นมาแล้ว |