๙๐    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๙๒
ทั้งปวง  เข้าไปแล้วสู่ป่าอิสิปตนะนั้นเอง   แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งบน
อาสนะ    เพื่อแสดงพระธรรมเทศนาอยู่ในสมัยนั้นนั่นเอง.    ดาบสเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว   ไม่ถวายบังคม   เป็นผู้นิ่งได้ยืนอยู่  ณ  ส่วนข้างหนึ่ง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นดาบสนั้นแล้ว      ตรัสปฏิสันถารโดยนัยที่ข้าพเจ้า
กล่าวแล้ว   ในตอนต้นนั้นแล.   แม้ดาบสนั้นกล่าวคำทั้งหลายเป็นต้นว่า ข้าแต่
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากัสสปะผู้เจริญ   พระองค์ทรงพออดทนได้อยู่หรือ.'
ดังนี้เป็นต้น    แล้วนั่ง  ณ  ส่วนข้างหนึ่ง  ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า  ข้าแต่
พระกัสสปะผู้เจริญ  พระองค์เสวยกลิ่นดิบหรือไม่.   พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
พราหมณ์   เราหาได้เสวยกลิ่นดิบไม่.   ดาบสทูลว่า     ข้าแต่พระกัสสปะผู้เจริญ
สาธุ   สาธุ   พระองค์เมื่อไม่เสวยซากศพของสัตว์อื่น ได้ทรงกระทำกรรมดีแล้ว
ข้อนั้นสมควรแล้วแก่ชาติ  สกุล    และโคตร  ของพระกัสสปะผู้เจริญ.
ต่อแต่นั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงดำริว่า     เราพูดว่าเราไม่บริโภค
กลิ่นดิบ  ดังนี้หมายถึง    (กลิ่นดิบ)    คือกิเลสทั้งหลาย   พราหมณ์เจาะจงเอา
ปลาและเนื้อ  ทำอย่างไรหนอ  เราจะไม่เข้าไปสู่บ้านเพื่อบิณฑบาตพรุ่งนี้   จะพึง
บริโภคบิณฑบาตที่เขานำมาจากวังของพระเจ้ากิกิ   คาถาปรารภกลิ่นดิบจักเป็น
ไปอย่างนี้    ต่อแต่นั้นเราจะให้พราหมณ์เข้าใจได้     ด้วยพระธรรมเทศนา
ด้งนี้แล้ว   ทรงทำบริกรรมสรีระแต่เช้าตรู่ในวันที่สอง  เสด็จเข้าไปยังพระคันธ-
กุฎี   ภิกษุทั้งหลายเห็นพระคันธกุฎีปิด     จึงรู้ได้ว่าวันนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า
ไม่ประสงค์จะเสด็จเข้าไปพร้อมกับภิกษุทั้งหลาย     จึงได้กระทำปทักษิณพระ
คันธกุฎี  แล้วเข้าไปเพื่อบิณฑบาต แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าออกจากพระคันธกุฎี
หน้า ๙๑