๓๐๗    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๐๙
ในชั้นเวหัปผลา.  ท่านให้อายุประมาณ  ๕๐๐ กัปป์สิ้นไปในชั้นเวหัปผลา
นั้นแล้ว   จึงเกิดในชั้นสุภกิณหาสิ้นไป  ๖๔   กัปป์แล้ว   จุติจากชั้นนั้น
จึงไปเกิดในชั้นอาภัสรา    มีอายุ  ๘  กัปป์   ในชั้นอาภัสรานั้น   ท่านได้
เกิดความเห็นขึ้นอย่างนี้   เพราะท่านระลึกถึงการจุติจากพรหมโลกชั้นสูง
ไม่ได้เลย  ระลึกถึงการเกิดขึ้นในพรหมโลกชั้นนั้นก็ไม่ได้.  เมื่อไม่เห็น
ทั้ง  ๒  อย่าง   ท่านจึงยึดถือความเห็นอย่างนี้      พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
ทราบความปริวิตกแห่งจิตของพกพรหมนั้น        ด้วยเจโตปริยญาณแล้ว
จึงทรงหายพระองค์ไปจากพระเชตวันมหาวิหาร       ปรากฏพระองค์บน
พรหมโลก อุปมาเหมือนหนึ่ง คนมีกำลังแข็งแรงเหยียดแขนออกไปแล้ว
คู้แขนที่เหยียดออกไปแล้วเข้ามาก็ปานกัน      ครั้งนั้น   พระพรหมเห็น
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว   จึงทูลว่า   มาเถิดท่านสหาย  ท่านมาดีแล้วท่าน
สหาย   นานนักท่านสหาย        ท่านจึงจะได้ทำปริยายนี้    คือการมาที่นี้
เพราะสถานที่นี้เป็นสถานที่เที่ยง    เป็นสถานที่ยั่งยืน    เป็นสถานที่สืบ
เนื่องกันไป  เป็นสถานที่ไม่มีการเคลื่อนเป็นธรรมดา เป็นสถานที่มั่นคง
ไม่เกิด   ไม่แก่   ไม่ตาย  ไม่จุติ  ไม่อุบัติ   ก็แต่ว่าสถานที่อื่นที่ชื่อว่า  เป็น
ที่ออกไปจากทุกข์  ยิ่งกว่านี้ไม่มี.   เมื่อพกพรหมทูลอย่างนี้แล้ว   พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า  ได้ตรัสคำนี้กะพกพรหมว่า   พกพรหมผู้เจริญ   ตกอยู่
ในอำนาจของอวิชชาแล้วหนอ    พกพรหมผู้เจริญ   ตกอยู่ในอำนาจของ
อวิชชาแล้วหนอ    เพราะได้พูดถึงสิ่งที่ไม่เที่ยงนั่นแหละว่าเป็นของเที่ยง
และได้พูดถึงธรรมที่สงบอย่างอื่น       ว่าเป็นธรรมเป็นที่ออกไปจากทุกข์
หน้า ๓๐๘