๓๒๒    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๒๔
คลังที่เต็มเพียบอยู่ในหมู่บ้าน  ๑๖,๐๐๐  หมู่บ้าน   ในวิเทหรัฐประมาณ
๓๐๐  โยชน์และหญิงฟ้อน    ๑๖,๐๐๐  นาง ไม่ทรงคำนึงถึงพระราชโอรส
และพระราชธิดา  เสด็จสู่ท้องถิ่นดินแดนหิมพานต์ทรงผนวชแล้ว  เสวย
ผลไม้ตามที่มี   ประทับอยู่ไม่เป็นประจำเที่ยวสัญจรไป.   ทั้ง  ๒  ท่านนั้น
ประพฤติพรตและอาจาระสม่ำเสมอ  ภายหลังได้มาพบกันแต่ก็ไม่รู้จักกัน
ชื่นชมกันประพฤติพรตและอาจาระสม่ำเสมอกัน.     ครั้งนั้นวิเทหะดาบส
ทำการอุปัฏฐากท่านคันธารดาบส   ในวันเพ็ญวันหนึ่ง    เมื่อท่านทั้ง  ๒
นั้น      นั่งกล่าวกถาที่ประกอบด้วยธรรมกัน   ณ  ควงไม้ต้นใดต้นหนึ่ง
พระราหูบดบังดวงจันทร์   ที่ลอยเด่นอยู่ท้องฟ้า.    ท่านวิเทหดาบสคิดว่า
แสงพระจันทร์หายไปเพราะอะไรหนอ จึงมองดูเห็นพระจันทร์ถูกราหูยึด
ไว้  จึงเรียนถามว่า  ข้าแต่ท่านอาจารย์อะไรหนอนั้น  ได้บดบังพระจันทร์
ทำให้หมดรัศมี.   ท่านคันธารดาบสตอบว่า   ดูก่อนอันเตวาสิก    นี้ชื่อว่า
ราหูเป็นเครื่องเศร้าหมองอย่างหนึ่งของพระจันทร์  ไม่ให้พระจันทร์ส่อง
แสงสว่าง     แม้เราเห็นดวงจันทร์ถูกราหูบังแล้ว   คิดว่า     ดวงจันทร์ที่
บริสุทธิ์นี้      ก็กลายเป็นหมดแสงไป      เพราะเครื่องเศร้าหมองที่จรมา
ราชสมบัตินี้ก็เป็นเครื่องเศร้าหมองแม้สำหรับเรา        เราจักบวชอยู่จน
กระทั้งราชสมบัติ จะไม่ทำให้เราอับแสง  เหมือนราหูบังดวงจันทร์  แล้ว
ทำดวงจันทร์ที่ถูกราหูบังนั่นเองให้เป็นอารมณ์    ทอดทิ้งราชสมบัติใหญ่
หลวงบวชแล้ว.
หน้า ๓๒๓