๓๒๖    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๒๘
           เรากล่าวคำเป็นธรรมอยู่   บาปก็ไม่เปรอะเปื้อน
           เรา.
         บรรดาบทเหล่านั้น    บทว่า    ธมฺมํ   ได้แก่สภาวะความเป็นเอง
คือเหตุที่บัณฑิตทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น  ทรงพรรณนาสรรเสริญ
แล้ว.   บทว่า   อธมฺโม   เม  น   รุจฺจติ   ความว่า    ธรรมดาอธรรมไม่ใช่
สภาวะความเป็นเอง      เราก็ไม่ชอบใจแต่ไหนแต่ไรมา.       บทว่า    
ปาปมุปลิมฺปติ  ความว่าเมื่อเรากล่าวสภาวะนั่นเองหรือเหตุนั่นแหละอยู่
ขึ้นชื่อว่าบาปจะไม่ติดอยู่ในใจ.    ธรรมดาการให้โอวาทนี้เป็นประเพณี
ของพระพุทธเจ้า     พระปักเจกพุทธเจ้าและพระสาวกและโพธิสัตว์ทั้ง
หลาย.    ถึงคนพาลจะไม่รับเอาโอวาทที่ท่านเหล่านั้นให้แล้ว     แต่ผู้ให้
โอวาทก็ไม่มีบาปเลย.   เมื่อจะแสดงอีกจึงกล่าวคาถาว่า :-
                        ผู้มีปัญญา  คนใดมักชี้โทษมักพูดบำราบ
           คนควรมองให้เหมือนผู้บอกขุมทรัพย์  ควรคบ
           บัณฑิตเช่นนั้น   เพราะว่า   เมื่อคบบัณฑิตเช่น
           นั้น  จะมีแต่ความดีไม่มีความชั่ว     คนควรตัก
           เตือน  ควรพระสอนและควรห้ามเขาจากอสัต-
           บุรุษ     เพราะและเป็นที่รักของเหล่าสัตบุรุษ
           ไม่เป็นที่รักของเหล่าอสัตบุรุษ.
หน้า ๓๒๗