๓๓๔    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๓๖
สักเวลาหนึ่งภัยจักเกิดขึ้นแก่พวกเรา     เพราะอาศัยผลไม้ต้นนี้ที่หล่นลง
ในน้ำ    แล้วจึงให้ฝูงกระบี่กินผลของกิ่งบนยอดที่ทอดไปเหนือน้ำด้วย
ไม่ให้เหลือแม้แต่ผลเดียว    ตั้งแต่เวลาผลเท่าแมลงหวี่    ในเวลาออกช่อ.
แม้เมื่อเป็นเช่นนั้น      ผลสุกผลหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในรังมดแดง     ฝูงวานร
แปดหมื่นตัวมองไม่เห็น  หล่นลงไปในน้ำ  ติดที่ข่ายด้านบน  ของพระ-
เจ้าพาราณสี    ผู้ทรงให้ขึงไว้ทั้งด้านบนและด้านล่าง    แล้วทรงกีฬาน้ำ.
ในเวลาที่พระราชาทรงเล่นตอนกลางวันแล้วตอนเย็นเสด็จกลับ    พวก
ชาวประมงพากันกู้ข่าย    เห็นผลไม้สุกผลนั้น    แล้วไม่รู้ว่าผลไม้นี้มีชื่อ
โน้น   จึงนำไปถวายพระราชาให้ทอดพระเนตร.
         พระราชาตรัสถามว่า   นี่ผลอะไรกัน ?
         ชาวประมง   ข้าพระพุทธเจ้าไม่ทราบ   พระพุทธเจ้าข้า.
         พระราชา   ใครจักทราบ ?
         ชาวประมง   พรานไพร   พระพุทธเจ้าข้า.
         พระราชารับสั่งให้เรียกพรานไพรมา    ตรัสถามแล้ว  ก็ทรงทราบ
ว่า   เป็นผลมะม่วงสุก  แล้วทรงใช้พระแสงกริชเฉือน       ให้พรานไพร
รับประทานก่อน  ภายหลังก็เสวยด้วยพระองค์เอง.  พระราชทานให้พระ-
สนมบ้าง  อำมาตย์บ้างรับประทานกัน.   รสของผลมะม่วงสุก  แผ่ซาบซ่าน
ไปทั่วพระสรีระทั้งสิ้นของพระราชา.    พระราชานั้นทรงติดพระทัยใน
ความยินดีชอบใจในรส  ได้ตรัสถามพวกพรานไพรถึงที่อยู่ของต้นไม้นั้น
หน้า ๓๓๕