๓๓๕    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๓๗
เมื่อพวกเขาทูลว่า   ที่ฝั่งแม่น้ำในท้องถิ่นดินแดนแห่งหิมพานต์     จึงรับ
สั่งให้คนจำนวนมากต่อเรือขนานแล้วได้เสด็จทวนกระแสน้ำขึ้นไป  ตาม
ทางที่พวกพรานไพรทูลชี้แนะ.  แต่พวกพรานไม่ได้ทูลบอกกำหนดว่า  สิ้น
เวลาเท่านี้วัน.   ถึงที่นั้นตามลำดับแล้ว  พวกพรานไพรจึงทูลพระราชาว่า
นี่คือต้นไม้ที่ประเสริฐ   พระพุทธเจ้าข้า.    พระราชารับสั่งให้จอดเรือไว้
ที่แม่น้ำแล้ว     มีมหาชนห้อมล้อมเสด็จดำเนินไป ณ ที่นั้นด้วยพระบาท
ทรงให้ปูบรรทมที่ควงไม้  เสวยผลมะม่วงสุก แล้วเสวยพระกระยาหาร
มีรสเลิศนานาชนิดเสร็จแล้วก็บรรทม.      ราชบุรุษทั้งหลายวางยามแล้ว
ก่อกองไฟไว้ทุกทิศ.    เมื่อมนุษย์ทั้งหลายหลับกันแล้ว   พระมหาสัตว์จึง
ได้ไปกับด้วยบริษัทในเวลาเที่ยงคืน.  วานร  ๘๐,๐๐๐  ตัวพากันไต่ไปกิน
ผลมะม่วงสุกจากกิ่งหนึ่งไปยังกิ่งหนึ่ง.    พระราชาทรงตื่นบรรทม    ทรง
เห็นฝูงกระบี่    จึงทรงปลุกให้คนทั้งหลายตื่นขึ้น   แล้วรับสั่งให้เรียกพวก
แม่นธนูมา   แล้วตรัสว่า   พรุ่งนี้สูเจ้าทั้งหลายจงพากันล้อมยิงพวกวานร
เหล่านั้น    ที่กินผลไม้โดยไม่ให้มันหนีไป.   พรุ่งนี้ฉันจะกินผลมะม่วง
และเนื้อวานร.    พวกแม่นธนูทูลรับพระบรมราชโองการใส่เกล้า ฯ  แล้ว
พากันยินล้อมต้นไม้แล้วขึ้นลูกศรไว้.    พวกวานรได้เห็นพวกเขากลัวภัย
คือความตาย  ไม่อาจหนีไปได้   จึงพากันเข้าไปหาพระมหาสัตว์  ยืนสั่น
สะท้านอยู่พลางถามว่า   ข้าแต่สมมุติเทพ  พวกคนแม่นธนูยืนล้อมต้นไม้
ด้วยหมายใจว่า   พวกเราจักยิงลิงตัวที่หนีไป   พวกเราจักทำอย่างไรกัน ?
พระโพธิสัตว์ปลอบใจฝูงวานรว่า   สูเจ้าทั้งหลายอย่ากลัว   ฉันจักให้ชีวิต
หน้า ๓๓๖