๓๓๖    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๓๘
แก่พวกเธอ   แล้วได้วิ่งขึ้นกิ่งไม้กิ่งที่ชี้ไปตรง ๆ  แล้วไต่กิ่งที่ชี้ไปตรงหน้า
แม่น้ำคงคา    กระโดดจากปลายกิ่งนั้น   เลยที่ประมาณชั่วร้อยคันธนูไป
ตกลงที่ยอดพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง ลงจากพุ่มไม้นั้นแล้ว  กำหนดอากาศระยะทาง
ไว้ว่า   ที่ ๆ  เรามาประมาณเท่านี้     แล้วกัดเครือหวายเถาหนึ่งที่โคนแกะ
กาบออกแล้ว   กะช่วงระยะไว้ ๒ ช่วงนี้  คือ  ช่วงระยะเท่านี้ จักผูกต้นไม้
ช่วงระยะเท่านี้      จักขึงไปในอากาศ     แต่ไม่ได้กะช่วงระยะสำหรับผูก
สะเอวของตน.   เขาลากเอาเครือหวายเถานั้นไปผูกเส้นหนึ่งไว้ที่ต้นไม้ที่
ขึ้นอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา    ผูกเส้นหนึ่งไว้ที่สะเอวของตน     กระโดดไปสู่
สถานที่ประมาณชั่วร้อยคันธนูโดยเร็วเหมือนเมฆถูกลมพัดหอบไปฉะนั้น
เพราะไม่ได้กะช่วงระยะที่ผูกสะเอวไว้    จึงไม่อาจจะขึงต้นไม้ได้จึงเอามือ
ทั้ง ๒ ยึดกิ่งมะม่วงไว้ให้แน่นแล้ว ได้ให้สัญญาณแก่ฝูงวานรว่า     สูเจ้า
ทั้งหลายจงเหยียบหลังฉันไต่ไปอย่างปลอดภัย    ตามเครือหวายโดยเร็ว.
วานร ๘ หมื่นตัวไหว้ขอขมาพระมหาสัตว์แล้ว   ไต่ไปอย่างนั้น.     ฝ่าย
พระเทวทัตครั้งนั้นเป็นลิงอยู่ในจำนวนลิงเหล่านั้น   คิดว่า   นี้เป็นเวลา
ที่จะได้เห็นหลังศัตรูของเราแล้ว     จึงขึ้นกิ่งไม้สูง   ให้เกิดกำลังเร็วแล้ว
ตกลงบนหลังของพระมหาสัตว์  กระโดดลงเหยียบหลังพระมหาสัตว์ด้วย
กำลังเร็วหัวใจของพระมหาสัตว์แตก.       เกิดเวทนามีกำลังแรงกล้าขึ้น.
ฝ่ายลิงเทวทัตนั้น   ทำพระมหาสัตว์นั้นให้ได้รับเวทนาแล้ว     ก็หลีกไป
พระมหาสัตว์ได้อยู่ลำพังตัวเดียว.     พระราชาบรรทมยังไม่หลับ     ทอด
พระเนตรเห็นกิริยาที่พวกวานร    และพระมหาสัตว์กระทำทุกอย่างแล้ว
หน้า ๓๓๗