แก่พวกเธอ แล้วได้วิ่งขึ้นกิ่งไม้กิ่งที่ชี้ไปตรง ๆ แล้วไต่กิ่งที่ชี้ไปตรงหน้า |
แม่น้ำคงคา กระโดดจากปลายกิ่งนั้น เลยที่ประมาณชั่วร้อยคันธนูไป |
ตกลงที่ยอดพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง ลงจากพุ่มไม้นั้นแล้ว กำหนดอากาศระยะทาง |
ไว้ว่า ที่ ๆ เรามาประมาณเท่านี้ แล้วกัดเครือหวายเถาหนึ่งที่โคนแกะ |
กาบออกแล้ว กะช่วงระยะไว้ ๒ ช่วงนี้ คือ ช่วงระยะเท่านี้ จักผูกต้นไม้ |
ช่วงระยะเท่านี้ จักขึงไปในอากาศ แต่ไม่ได้กะช่วงระยะสำหรับผูก |
สะเอวของตน. เขาลากเอาเครือหวายเถานั้นไปผูกเส้นหนึ่งไว้ที่ต้นไม้ที่ |
ขึ้นอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา ผูกเส้นหนึ่งไว้ที่สะเอวของตน กระโดดไปสู่ |
สถานที่ประมาณชั่วร้อยคันธนูโดยเร็วเหมือนเมฆถูกลมพัดหอบไปฉะนั้น |
เพราะไม่ได้กะช่วงระยะที่ผูกสะเอวไว้ จึงไม่อาจจะขึงต้นไม้ได้จึงเอามือ |
ทั้ง ๒ ยึดกิ่งมะม่วงไว้ให้แน่นแล้ว ได้ให้สัญญาณแก่ฝูงวานรว่า สูเจ้า |
ทั้งหลายจงเหยียบหลังฉันไต่ไปอย่างปลอดภัย ตามเครือหวายโดยเร็ว. |
วานร ๘ หมื่นตัวไหว้ขอขมาพระมหาสัตว์แล้ว ไต่ไปอย่างนั้น. ฝ่าย |
พระเทวทัตครั้งนั้นเป็นลิงอยู่ในจำนวนลิงเหล่านั้น คิดว่า นี้เป็นเวลา |
ที่จะได้เห็นหลังศัตรูของเราแล้ว จึงขึ้นกิ่งไม้สูง ให้เกิดกำลังเร็วแล้ว |
ตกลงบนหลังของพระมหาสัตว์ กระโดดลงเหยียบหลังพระมหาสัตว์ด้วย |
กำลังเร็วหัวใจของพระมหาสัตว์แตก. เกิดเวทนามีกำลังแรงกล้าขึ้น. |
ฝ่ายลิงเทวทัตนั้น ทำพระมหาสัตว์นั้นให้ได้รับเวทนาแล้ว ก็หลีกไป |
พระมหาสัตว์ได้อยู่ลำพังตัวเดียว. พระราชาบรรทมยังไม่หลับ ทอด |
พระเนตรเห็นกิริยาที่พวกวานร และพระมหาสัตว์กระทำทุกอย่างแล้ว |