ทรงบรรทมพลางดำริว่า วานรตัวนี้เป็นสัตว์เดียรฉาน ได้ทำความสวัสดี |
แก่บริษัททีเดียว โดยมิได้คำนึงถึงชีวิตของตน. เมื่อสว่างแล้วพระองค์ |
ทรงพอพระทัยต่อพระมหาสัตว์ ทรงดำริว่า เราไม่ควรให้ขุนกระบี่นี้ |
พินาศไป เราจักให้เอาขุนกระบี่นั้นลงมาปฏิบัติรักษา แล้วได้รับสั่งให้ |
จอดเรือขนานไว้ภายในแม่น้ำคงคา ทรงให้ผูกกรงไว้บนนั้นแล้วให้ค่อย |
ยกขุนกระบี่ลงมา แล้วรับสั่งให้คลุมผ้ากาสาวพัสตร์บนหลัง ให้อาบน้ำ |
ในแม่น้ำคงคา ให้ดื่มน้ำอ้อย ให้เอาน้ำมันที่เจียวแล้วพันครั้ง ชะโลม |
บนหลัง ให้ปูหนังแพะบนที่นอนแล้ว. ทรงให้ขุนกระบี่นั้นนอนบนที่ |
นอนนั้น พระองค์เองประทับนั่งบนอาสนะต่ำ ได้ตรัสคาถาที่ ๑ ว่า :- |
ดูก่อนขุนกระบี่ ท่านได้ทอดตัวเป็น |
สะพานให้เหล่าวานรข้ามไปโดยสวัสดี ท่าน |
เป็นอะไรกับวานรเหล่านั้น และวานรเหล่านั้น |
เป็นอะไรกับท่าน ? |
คาถานั้นมีเนื้อความว่า ดูก่อนขุนกระบี่ผู้เจริญท่านทำตนให้เป็น |
สะพานคอยกตนให้เป็นคาน แล้วสละชีพให้ฝูงวานรเหล่านี้ข้ามไปโดย |
สวัสดี คือให้ข้ามไปโดยเกษม. ท่านได้เป็นอะไรกับพวกเขาหรือพวก |
เขาเหล่านี้ ได้เป็นอะไรกับท่าน หรือวานรเหล่านี้ เป็นอะไรกับเรา. |
พระโพธิสัตว์ได้สดับคำนั้นแล้ว เมื่อจะตักเตือนเพราะราชา จึง |
กล่าวคาถาที่เหลือว่า :- |