๓๔๑    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๔๓
อย่าง   ทรงดำรงอยู่ในราชธรรม ๑๐ ประการ แล้วทรงสละชีวิตของตน
เหมือนข้าพระองค์   แล้วควรแสวงหา   คือเสาะหาความสุขเท่านั้น    แก่
แว่นแคว้นทั้งสิ้น  ยานพาหนะที่เทียมแล้วมีรถและเกวียนเป็นต้นที่ชื่อว่า
ยวดยานกำลังพล   กล่าวคือพลเดินเท้า   และแก่นิคม  กล่าวคือนิคมและ
ชนบททั่วหน้ากันด้วยพระดำริว่า      เราจักมีประโยชน์อะไรสำหรับท่าน
ราษฎรทั้งหลาย   ปราศจากความหวาดกลัว  หน้าร้อนเปิดประตูได้  ญาติ
และมิตรทั้งหลายห้อมล้อมแล้ว     ให้บุตรหลานชื่นใจ     ลมเย็นโชยมา
รับประทานอาหารซึ่งเป็นของตนตามชอบใจ    ควรเป็นผู้พร้อมพรั่งด้วย
ความสุขกายสบายใจ.   บทว่า   ขตฺติเยน  ปชานตา   ความว่า   ก็พระ-
ราชานี้ผู้ได้พระนามว่า กษัตริย์  เพราะทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งเกษตร คือ
เจ้าของที่นา   ควรเป็นผู้ทรงปรีชา   คือทรงสมบูรณ์ด้วยพระปรีชาญาณ
เกินคนที่เหลือ.
         มหาสัตว์เมื่อตักเตือนและพร่ำสอนพระราชาอย่างนี้อยู่ก็ได้ถึงแก่
กรรม.     พระราชาตรัสเรียกอำมาตย์มา.   แล้วตรัสว่าเธอทั้งหลายจงทำ
สรีรกิจของขุนกระบี่นี้ให้เหมือนสรีรกิจของพระราชา แม้ในฝ่ายใน  อิตฺ-
ถาคารํปิ  คือเรือนนางสนม  ห้องพระมเหสี  ก็ทรงบังคับว่า  เธอทั้งหลาย
จงพากันนุ่งห่มผ้าแดง    ยายผม   มีหัตถ์ถือประทีปด้าม    ห้อมล้อมขุน-
กระบี่ไปป่าช้า.  อำมาตย์ทั้งหลายตั้งเชิงตะกอนด้วยฟืนเท่าลำเกวียน  เผา
ศพมหาสัตว์   ทำนองเดียวกับถวายพระเพลิงพระราชา.   แล้วได้ถือกระ-
โหลกศีรษะไปสู่สำนักพระราชา.    พระราชาทรงให้สร้างเจดีย์ไว้ที่ป่าช้า
หน้า ๓๔๒