๓๔๖    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๔๘
พระองค์กำหนดตรวจดูพระเชตวันอยู่    ทรงทราบวิตกของภิกษุเหล่านั้น
ฟุ้งขึ้น  ทรงดำริว่า  กิเลสนี้เมื่อฟุ้งขึ้นในภายในของภิกษุเหล่านี้.   จักทำ
ลายเหตุแห่งอรหัตผลเสีย  เราตถาคตจักข่มกิเลสแล้วมอบให้ซึ่งอรหัตผล
แก่ภิกษุเหล่านั้นเดี๋ยวนี้แหละ.  แล้วเสด็จออกจากพระคันธกุฎี  รับสั่งให้
หาพระอานนท์เถระมาแล้วตรัสสั่งให้ประชุมว่า   ดูก่อนอานนท์    เธอจง
ให้ภิกษุผู้อยู่ภายในโกฏิสัณฐารทั้งหมดประชุมกัน.    เสด็จประทับนั่งบน
พุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้ว    ตรัสว่า   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   ภิกษุไม่ควร
เป็นไปในอำนาจของกิเลสที่เป็นไปแล้วในภายใน  ด้วยว่ากิเลสเมื่อเจริญ
ขึ้น    ย่อมให้ถึงความพินาศมา เหมือนปัจจามิตร. ธรรมดาภิกษุ   กิเลส
แม้มีประมาณเล็กน้อยก็ควรข่มไว้.    บัณฑิตในกาลก่อน   เห็นอารมณ์
ประมาณเล็กน้อย     ก็ข่มกิเลสที่เป็นไปแล้วในภายในไว้ให้ปัจเจกโพธิ-
ญาณเกิดขึ้น   แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก   ดังต่อไปนี้  :-
         ในอดีตกาล     เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร
พาราณสี     พระโพธิสัตว์ถือกำเนิดในตระกูลช่างหม้อ   ในหมู่บ้านใกล้
ประตูนครพาราณสี      เจริญวัยแล้วได้ครอบครองสมบัติ      มีบุตรชาย
๑  คน   บุตรหญิง  ๑  คน   เลี้ยงบุตรภรรยาโดยอาศัยการทำหม้อ.   ใน
กาลครั้งนั้น    พระราชาทรงพระนามว่า   กรกัณฑะ    ในทันตปุรนคร
แคว้นกลิงคะมีพระราชบริพารมาก   เมื่อเสด็จไปพระราชอุทยาน  ทอด.
พระเนตรเห็นต้นมะม่วงใกล้ประตูพระราชอุทยาน มีผลน่าเสวย  เต็มไป
ด้วยผลเป็นพวง   ประทับบนคอช้างต้นนั้นเอง  ทรงเหยียดพระหัตถ์ออก
หน้า ๓๔๗