ได้ปกปิดพระกายของพระองค์ทันที. พระองค์ประทับที่อากาศประทาน |
พระโอวาทแก่มหาชนแล้ว ได้เสด็จไปสู่เงื้อมนันทมูลนั่นแหละ. |
ฝ่ายพระราชาทรงพระนามว่านัคคชิ ในนครตักกศิลา ที่ |
แคว้นคันธาระ เสด็จไปที่ท่ามกลางพระราชบัลลังก์ เบื้องบนปราสาท |
ทอดพระเนตรเห็นหญิงคนหนึ่ง ในมือแต่ละข้างประดับกำไลแก้วมณี |
คือหยก ข้างละอันนั่งบดของหอมอยู่ไม่ไกล ประทับนั่งทอดพระเนตร |
พลางดำริว่า กำไลแก้วมณี คือหยกเหล่านั้นไม่กระทบกัน ไม่มีเสียงดัง |
เพราะเป็นข้างละอัน คือแยกกันอยู่. ภายหลังนางเอากำไลแขนจาก |
ข้างขวามาสวมไว้ที่ข้างซ้ายรวมกัน แล้วเริ่มเอามือขวาดึงของหอมมาบด. |
กำไลแก้วมณีคือหยกที่มือซ้ายมากระทบกำไลข้างที่ ๒ จึงมีเสียงดังขึ้น. |
พระราชาทอดพระเนตรเห็นกำไลแขนทั้ง ๒ ข้างเหล่านั้นกระทบกัน |
อยู่มีเสียงดัง จึงทรงดำริว่า กำไลแขนนี้เวลาอยู่ข้างละอันไม่กระทบกัน |
แต่อาศัยข้างที่ ๒ กระทบกันก็มีเสียงดังฉันใด แม้สัตว์ทั้งหลายเหล่า |
นี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน แต่ละคน ๆ ไม่กระทบกัน ก็ไม่ส่งเสียง แต่พอ |
มี ๒, ๓ คนขึ้นไปก็กระทบกันทำการทะเลาะกัน. ส่วนเราวิจารณ์ |
ราษฎรในราชสมบัติ ๒ แห่ง ในกัสมิระและคันธาระ เราควรจะเป็น |
เหมือนกำไลแขนข้างเดียว ไม่วิจารณ์คนอื่น วิจารณ์ตัวเองเท่านั้น |
อยู่ ดังนี้แล้ว ทรงทำการกระทบกันแห่งกำไลให้เป็นอารมณ์แล้ว |
ทั้ง ๆ ที่ทรงนั่งอยู่นั่นแหละ ทรงกำหนดไตรลักษณ์ เจริญวิปัสสนา |