๓๕๑    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๕๓
วิปัสสนาแล้วยังปัจเจกโพธิญาณให้เกิดขึ้น.   ข้อความที่เหลือเป็นเช่นกับ
ข้อความแต่ก่อนนั่นแหละ.
         แม้ในแคว้นอุตตรปัญจาละในกปิลนคร  พระราชาทรงพระนามว่า
ทุมมุขะ      เสวยพระกระยาหารเช้าแล้ว      ทรงประดับเครื่องอลังการ
พร้อมสรรพ    มีหมู่อำมาตย์ห้อมล้อม   ได้ประทับยืนทอดพระเนตรพระ
ลานหลวงทางสีหบัญชรที่เปิดไว้.      ในขณะนั้นคนเลี้ยงวัวทั้งหลายต่าง
ก็เปิดประตูคอกวัว.   พวกวัวตัวผู้ออกจากคอก  แล้วก็ติดตามวัวตัวเมียตัว
หนึ่งด้วยอำนาจกิเลส.  ในจำนวนวัวเหล่านั้น   โคถึกใหญ่ตัวหนึ่งเขาคม
เห็นวัวตัวผู้อื่นกำลังเดินมา     มีความเห็นแก่ตัว   คือหึงด้วยอำนาจกิเลส
ครอบงำจึงใช้เขาแหลมขวิดที่ระหว่างขา.   ไส้ใหญ่ทั้งหลายของวัวตัวนั้น
ทะลักออกมาทางปากแผล  มันถึงความสิ้นชีวิต ณ ที่นั้นนั่นเอง  พระราชา
ทรงเห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว   ทรงดำริว่า   สัตวโลกทั้งหลายตั้งต้นแต่สัตว์
เดียรัจฉานไปถึงทุกข์ด้วยอำนาจกิเลส    วัวผู้ตัวนี้อาศัยกิเลสถึงความสิ้น
ชีวิต   สัตว์แม้เหล่าอื่นก็หวั่นไหว   เพราะกิเลสทั้งหลายนั่นเอง  เราควร
จะประหารกิเลสที่เป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายหวั่นไหว.     พระองค์ประทับ
ยืนอยู่นั่นแหละ   ทรงกำหนดไตรลักษณ์เจริญวิปัสสนา    แล้วยังปัจเจก
โพธิญาณให้เกิดขึ้น.   ข้อความที่เหลือ  เหมือนกับข้อความในตอนก่อน
นั่นเอง.
         อยู่มาวันหนึ่ง    พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง  ๔  องค์เหล่านั้นกำหนด
เวลาภิกขาจารแล้ว     ก็เสด็จออกจากเงื้อมนันทมูลทรงเคี้ยวไม้ชำระฟัน
หน้า ๓๕๒