๓๕๖    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๕๘
           ละกามทั้งหลายทิ้งแล้ว   ดำรงอยู่ตามส่วนของ
           ตนเที่ยวไปคนเดียว.
         คาถาเหล่านั้นมีเนื้อความว่า     ข้าแต่ท่านผู้เจริญ    พระปัจเจก-
พุทธเจ้าผู้เป็นสังฆเถระนั้น    เป็นพระราชาแห่งชนบทของชาวคันธาระ
ทรงพระนามว่า    กรกัณฑะในนครชื่อว่า   ทันตปุระ   องค์ที่  ๒  เป็น
พระราชาแห่งชนบทของชาวคันธาระ    ทรงพระนามว่า    นัคคชิ   ใน
ตักกศิลานคร   องค์ที่  ๓  เป็นพระราชาแห่งชนบทของชาววิเทหะ  ทรง
พระนามว่านิมิราชา  ในนครมิถิลา  องค์ที่  ๔  เป็นพระราชาแห่งชนบท
ของชาวอุตตรปัญจาละ  ทรงพระนามว่า  ทุมมุขะ  ในนครกบิล.   พระ-
ปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น   ทรงละแคว้นทั้งหลายเห็นปานนี้แล้วเป็นผู้ไม่
มีความห่วงใยทรงผนวชแล้ว.        บทว่า    สพฺเพปิเม    ความว่า   ก็
พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านี้ แม้ทั้งหมด    ทรงเป็นผู้เสมอด้วยพระปัจเจก
พุทธเจ้าทั้งหลายในกาลก่อนผู้เป็นวิสุทธิเทพ        เสด็จมารวมกันแล้ว.
บทว่า    อคฺคี    ยถา    ความว่า   ไฟที่ลุกโชนแล้ว   ย่อมสง่างามฉันใด.
บทว่า   ตเถวิเม    ความว่า  พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายแม้เหล่านี้   ย่อม
สง่างามด้วยคุณธรรมทั้งหลายมีศีลเป็นต้น  ฉันนั้นเหมือนกัน อธิบายว่า
แม้เราก็จักบวชเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น.  นาย
ช่างหม้อเรียกภรรยาว่า    ภัคควี.  บทว่า    หิตฺวาน   กามานิ    ความว่า
ละวัตถุกามทั้งหลายมีรูปเป็นต้น.   บทว่า   ยโถธิกานิ   ความว่า   ดำรง
อยู่แล้วด้วยสามารถแห่งแนวทางของตน ๆ   มีคำอธิบายว่า    แม้เราครั้น
หน้า ๓๕๗