๓๕๘    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๖๐
พรานนกจับได้  โยนใส่ข้องนก   นางนกตัวหนึ่งที่หลุดจากมือของพราน
นกตัวนั้นจะเผ่นออกไปกลางหาวไปสู่ที่ตามชอบใจ แล้วบินไปตามลำพัง
ตัวเดียวฉันใด   แม้ฉันก็ฉันนั้น   พ้นจากมือของท่านแล้ว   จักเที่ยวไปคน
เดียว   เพราะฉะนั้น   นางเป็นผู้ประสงค์จะบวชเอง   จึงได้กล่าวอย่างนี้.
         พระโพธิสัตว์ครั้นได้ฟังคำของนางแล้ว  ได้นิ่งอยู่.  ส่วนนางประสงค์
จะลวงพระโพธิสัตว์แล้วบวชก่อน  จึงกล่าวว่า  ข้าแต่นาย   ฉันจักไปท่า-
น้ำดื่ม ขอให้ท่านจงดูเด็ก  คือลูกไว้  แล้วจึงถือเอาหม้อน้ำที่ทำเป็นเหมือน
เดินไปท่าน้ำแล้วหนีไป     ถึงสำนักของพวกดาบสที่ใกล้นครแล้วก็บวช.
พระโพธิสัตว์ทราบว่า   นางไม่มาจึงเลี้ยงเด็กเอง.  ต่อมาเมื่อเด็กเหล่านั้น
เติบโตขึ้นหน่อยหนึ่ง   ถึงความเป็นผู้สามารถรู้ความเจริญ เละความเสื่อม
ของตน   คือดีชั่วแล้ว  เพื่อจะทดลองเด็กเหล่านั้น  วันหนึ่งพระโพธิสัตว์
เมื่อหุงข้าวสวย  ได้หุงดิบไปหน่อย  วันหนึ่งแฉะไปหน่อย วันหนึ่งไหม้
วันหนึ่งปรุงอาหารจืดไป   วันหนึ่งเค็มไป.    เด็กทั้งหลายพูดว่า    วันนี้
ข้าวดิบ  วันนี้แฉะ  วันนี้ไหม้  วันนี้จืด   วันนี้เค็มไป.   พระโพธิสัตว์
พูดว่า   ลูกเอ๋ยวันนี้ข้าวดิบ   แล้วคิดว่า   บัดนี้   เด็กเหล่านี้รู้จักดิบ    สุก
จืดและเค็มจัดแล้ว   จักสามารถเลี้ยงชีพตามธรรมดาของตน   เราควรจะ
บวชละ. ต่อมาท่านได้มอบเด็กเหล่านั้นให้พวกญาติพูดว่า  ดูก่อนพ่อและ
แม่   ขอจงเลี้ยงเด็กเหล่านี้ให้ดีเถิด   แล้วเมื่อพวกญาติกำลังโอดครวญอยู่
นั่นเองได้ออกจากพระนครไปบวชเป็นฤาษีอยู่ใกล้ ๆ   พระนครนั่นเอง.
อยู่มาวันหนึ่ง    นางปริพาชิกา    คือภริยาเก่า    ได้เห็นท่านกำลังเที่ยว
หน้า ๓๕๙