๓๖๖    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๖๘
กำลัง   ทรงยึดยศทุกอย่างคืน.   ต่อแต่นั้นมา   มันก็กลายเป็นช้างอนาถา
หากินหญ้าและใบไม้ในป่าประทังชีวิตอยู่.     อยู่มาวันหนึ่ง   เมื่อภาชนะ
ไม่พอใช้ในราชตระกูล    จึงรับส่งให้หาช่างหม้อเข้าเฝ้าแล้วตรัสว่า    ได้
ทราบว่าภาชนะไม่พอใช้    ช่างจึงทูลว่า   ข้าแต่สมมติเทพ     ข้าพระองค์
หาโคเทียมเกวียนเข็นโคมัยไม่ได้  พระพุทธเจ้าข้า.   พระราชาทรงสดับ
คำของช่างแล้ว     จึงตรัสถามว่า     พังต้นโอฏฐิพยาธิของเราอยู่ที่ไหน ?
อำมาตย์จึงทูลว่า   เที่ยวไปตามธรรมดาของตนพระพุทธเจ้าข้า.      พระ-
ราชาได้พระราชทานพังต้นเชือกนั้น   แก่ช่างหม้อด้วยพระดำรัสว่า   ต่อ
แต่นี้ไปจงเทียมพังต้นเชือกนั้นเข็นโคมัย.   ช่างหม้อรับพระดำรัสว่า   ดี
แล้ว   พระพุทธเจ้าข้า   แล้วได้ทำอย่างนั้น.   อยู่มาวันหนึ่ง  มันออกจาก
พระนครไปเห็นพระโพธิสัตว์กำลังเข้าพระนคร  จบแล้วหมอบแทบเท้า
ของท่าน   โอดครวญพลางกล่าวว่า   ข้าแต่นาย   พระราชาทรงกำหนดรู้
ฉันว่ามีอุปการะมาก.  ในเวลายังรุ่น  ได้พระราชทานยศสูง  แต่บัดนี้  เวลา
ฉันแก่   งดหมดทุกอย่าง   ไม่ทรงทำแม้แต่การคิดถึงฉัน    ฉันไม่มีที่พึ่ง
จึงเที่ยวหากินหญ้าและใบไม้ประทังชีวิตอยู่    บัดนี้ได้พระราชทานฉันผู้
ตกยากอย่างนี้ให้ช่างหม้อ   เพื่อเทียมยานน้อย.       เว้นท่านแล้วผู้อื่นที่
จะเป็นที่พึ่งของฉันไม่มี    ท่านรู้อุปการะที่ฉันทำแก่พระราชาแล้ว    ได้
โปรดเถิด    ขอท่านจงทำยศของฉันที่เสื่อมไปแล้วไห้กลับคืนมาตามปกติ
เถิด   แล้วได้กล่าวคาถา   ๓   คาถาว่า :-
หน้า ๓๖๗