กำลัง ทรงยึดยศทุกอย่างคืน. ต่อแต่นั้นมา มันก็กลายเป็นช้างอนาถา |
หากินหญ้าและใบไม้ในป่าประทังชีวิตอยู่. อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อภาชนะ |
ไม่พอใช้ในราชตระกูล จึงรับส่งให้หาช่างหม้อเข้าเฝ้าแล้วตรัสว่า ได้ |
ทราบว่าภาชนะไม่พอใช้ ช่างจึงทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์ |
หาโคเทียมเกวียนเข็นโคมัยไม่ได้ พระพุทธเจ้าข้า. พระราชาทรงสดับ |
คำของช่างแล้ว จึงตรัสถามว่า พังต้นโอฏฐิพยาธิของเราอยู่ที่ไหน ? |
อำมาตย์จึงทูลว่า เที่ยวไปตามธรรมดาของตนพระพุทธเจ้าข้า. พระ- |
ราชาได้พระราชทานพังต้นเชือกนั้น แก่ช่างหม้อด้วยพระดำรัสว่า ต่อ |
แต่นี้ไปจงเทียมพังต้นเชือกนั้นเข็นโคมัย. ช่างหม้อรับพระดำรัสว่า ดี |
แล้ว พระพุทธเจ้าข้า แล้วได้ทำอย่างนั้น. อยู่มาวันหนึ่ง มันออกจาก |
พระนครไปเห็นพระโพธิสัตว์กำลังเข้าพระนคร จบแล้วหมอบแทบเท้า |
ของท่าน โอดครวญพลางกล่าวว่า ข้าแต่นาย พระราชาทรงกำหนดรู้ |
ฉันว่ามีอุปการะมาก. ในเวลายังรุ่น ได้พระราชทานยศสูง แต่บัดนี้ เวลา |
ฉันแก่ งดหมดทุกอย่าง ไม่ทรงทำแม้แต่การคิดถึงฉัน ฉันไม่มีที่พึ่ง |
จึงเที่ยวหากินหญ้าและใบไม้ประทังชีวิตอยู่ บัดนี้ได้พระราชทานฉันผู้ |
ตกยากอย่างนี้ให้ช่างหม้อ เพื่อเทียมยานน้อย. เว้นท่านแล้วผู้อื่นที่ |
จะเป็นที่พึ่งของฉันไม่มี ท่านรู้อุปการะที่ฉันทำแก่พระราชาแล้ว ได้ |
โปรดเถิด ขอท่านจงทำยศของฉันที่เสื่อมไปแล้วไห้กลับคืนมาตามปกติ |
เถิด แล้วได้กล่าวคาถา ๓ คาถาว่า :- |