๓๘๔    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๓๘๖
ทรงมีพระทัยปฏิพัทธ์   จึงเสด็จเข้าห้องบรรทม   ทรงงดพระกระยาหาร
แล้วเสด็จบรรทมด้วยหมายพระทัยว่า       เราเมื่อไม่ได้ปุโรหิตนี้ก็จักตาย
ณ  ที่นี้นั่นเอง.   พระราชาเมื่อไม่ทรงเห็นพระราชชนนี   จึงตรัสถามว่า
แม่ของฉันไปไหน ?    ทรงสดับว่า    ประชวร   จึงเสด็จไปถึงที่ประทับ
ของพระราชชนนี  ทรงถวายบังคม  แล้วตรัสถามว่า  เสด็จแม่พระเจ้าข้า
เสด็จแม่ประชวรเป็นอะไร ?   พระนางไม่ตรัสบอกพระองค์   เพราะทรง
ละอาย.    พระองค์จึงเสด็จไปประทับนั่งบนพระราชบัลลังก์    รับสั่งให้
เรียกพระมเหสีของพระองค์มา    ทรงส่งไปด้วยพระดำรัสว่า   เธอจงไป
แล้วทราบการประชวรของเสด็จแม่.    พระนางเสด็จไป    แล้วทรงนวด
พระปฤษฎางค์ไปพลางทูลถามไปพลาง.       ธรรมดาผู้หญิงทั้งหลายจะไม่
ซ่อนความลับต่อผู้หญิงด้วยกัน.   พระราชชนนีนั้น  ตรัสบอกเนื้อความ
นั้น.      ฝ่ายพระราชินีทรงสดับคำนั้น      แล้วจะเสด็จไปทูลพระราชา.
พระราชารับสั่งว่า    เรื่องนั้นยกไว้เถอะ    เธอจงไป    จงให้เสด็จแม่เบา
พระทัย     ฉันจักตั้งปุโรหิตให้เป็นพระราชา      แล้วตั้งเสด็จแม่ให้เป็น
อัครมเหสี.  พระนางจึงได้เสด็จไป แล้วทรงให้พระราชชนนีเบาพระทัย.
ฝ่ายพระราชารับสั่งให้ปุโรหิตเข้าเฝ้า   แล้วตรัสบอกเนื้อความนั้น   แล้ว
รับสั่งว่า     สหายเอ๋ย    ขอสหายจงให้ชีวิตแก่เสด็จแม่      สหายจงเป็น
พระราชา   เสด็จแม่จะเป็นพระมเหสี   เราจะเป็นอุปราช.    ปุโรหิตนั้น
ทูลคัดค้านว่า     ข้าพระองค์ไม่อาจทำอย่างนั้นได้    แต่เมื่อพระองค์ทรง
รบเร้าบ่อย ๆ    ก็รับ.    พระราชาได้ทรงอภิเษกปุโรหิตให้เป็นพระราชา
หน้า ๓๘๕