ด้วย. บทว่า วิภวํ ได้แก่ความไม่เจริญเห็น คือรู้แพะทั้งหลายที่ถึงความ |
พินาศแล้ว. บทว่า กีโสจวิวณฺโณ ความว่า พราหมณ์ละทิ้งแพะ |
ทั้งที่ให้น้ำนมเป็นต้น แล้วสงเคราะห์ชะมดทั้งหลาย เมื่อไม่เห็นสัตว์ |
ทั้ง ๒ ชนิดนั้น ก็เป็นผู้เสื่อมจากสัตว์ทั้ง ๒ พวก ถูกความโศกครอบงำ |
แล้วจึงได้เป็นคนซูบผอมและมีผิวพรรณซูบซีด. บทว่า เอวํ โย สนฺนิรงฺ |
กตฺวา ความว่า เมื่อเป็นอย่างนี้นั้นแหละ ผู้ใดนำคนภายในของตน |
ซึ่งเป็นคนเก่าแก่ออกไป คือละทิ้งแล้วทำความรักใคร่คนที่มาใหม่ โดย |
ไม่คำนึงถึงใคร ๆ อีกเลย ผู้นั้นเป็นคนเดียวเช่นกับพระองค์ย่อมเศร้า |
โศกมาก เหมือนพราหมณ์ธูมการีที่ข้าพระองค์ ทูลแสดงถวายพระองค์ |
แล้วฉะนั้น. |
พระมหาสัตว์ ทูลพระราชาให้ทรงรู้สึกพระองค์อย่างนี้แล้ว. ฝ่าย |
พระราชาทรงทำความรู้สึกพระองค์แล้ว ทรงเลื่อมใสแล้วได้พระราช- |
ทานทรัพย์จำนวนมากแก่พระโพธิสัตว์นั้น. จำเดิมแต่นั้นมา พระองค์ |
ก็ทรงทำการสงเคราะห์คนภายในอยู่เท่านั้น ทรงบำเพ็ญบุญทั้งหลายมี |
ทานเป็นต้นแล้ว ได้ทรงเป็นผู้มีสวรรค์เป็นที่ไปในภายภาคหน้า. |
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม |
ชาดกไว้ว่า พระเจ้าโกรัพยะในครั้งนั้น ได้แก่พระอานนท์ ในบัดนี้ |
พราหมณ์ธูมการี ได้แก่ พระเจ้าปเสนทิโกศล ส่วนวิธูรบัณฑิต ได้แก่ |
เราตถาคต ฉะนั้นแล. |
จบ อรรถกถาธูมการิชาดกที่ ๘ |