๔๒๓    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๔๒๕
ด้วยความรู้ระลึกชาติได้เหมือนเห็นเอาหน้าในกระจกเงาที่ใสว่า   เราได้
เป็นลูกจ้างในนครนี้นั่นเอง    เมื่อเดินไปทำงานได้ถวายขนมกุมมาส  ๔
ก้อน   แก่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย   ได้ถือกำเนิดในที่นี้     เพราะผล
ของกรรมนั้น.      ท้าวเธอทรงเจริญวัย      แล้วเสด็จไปยังนครตักกศิลา
ทรงเรียนศิลปะทุกอย่าง  แล้วเสด็จกลับมา  ทรงแสดงศิลปะที่ทรงศึกษา
มาแล้ว   แก่พระราชบิดา   แล้วพระราชบิดาทรงพอพระราชหฤทัย  ทรง
สถาปนาไว้ในตำแหน่งอุปราช      ในกาลต่อมาโดยสิ้นรัชกาลของพระ
ราชบิดา   ก็ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ.   ลำดับนั้น  อำมาตย์ทั้งหลาย
พากันนำพระราชธิดาของพระเจ้าโกศลผู้ทรงเลอโฉม      มาถวายให้เป็น
พระอัครมเหสีของพระองค์.  ก็ในวันฉัตรมงคลของพระองค์ คนทั้งหลาย
ได้พากันตบแต่งพระนครทั้งนครให้เหมือนเทพนคร ก็ปานกัน. พระองค์
เสด็จเลียบพระนคร      แล้วเสด็จขึ้นปราสาทที่ตบแต่ง      แล้วเสด็จขึ้น
พระราชบัลลังก์    ที่ยกเศวตรฉัตรขึ้นไว้  ณ  ท่ามกลางชั้นที่กว้างใหญ่
ประทับนั่งแล้ว      ทอดพระเนตรพสกนิกรทั้งหลาย       ที่พากันยืนเฝ้า
ด้านหนึ่งเป็นอำมาตย์   ด้านหนึ่งเป็นคหบดี   มีพราหมณ์คหบดีเป็นต้น
ผู้มีสมบัติต่าง ๆ กัน   มีความรุ่งเรืองสุกใสด้วยสิริวิลาส     ด้านหนึ่งเป็น
ประชาชนชาวกรุง     มีมือถือเครื่องบรรณาการนานาชนิด     ด้านหนึ่ง
เป็นคณะหญิงฟ้อนจำนวนหมื่นหกพันนาง      ปานประหนึ่งสาวอัปสร
ผู้ตบแต่งแล้ว    ฉะนั้น    และสิริราชสมบัตินี้เป็นที่รื่นรมย์พระทัยยิ่งนัก
ทรงรำลึกถึงกุศลกรรมที่ตนบำเพ็ญไว้ในปางก่อนแล้ว        ทรงรำลึกถึง
หน้า ๔๒๔