๔๒๕    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๔๒๗
         บรรดาบทเหล่านั้น   บทว่า   อโนมทสฺสิสุ   ความว่า   พระ-
ปัจเจกพุทธเจ้า    ทรงพระนามว่า    อโนมทัสสี    เพราะได้เห็นปัจเจก-
โพธิญาณ   ที่ไม่ต่ำช้า   คือไม่ลามก.   การทำสามีจิกรรม   มีการอภิวาท
การลุกขึ้นรับ   และการทำอัญชลีเป็นต้นก็ดี   การเห็นสมบัติในปัจจุบัน
แล้วยังจิตให้เลื่อมใสในไทยธรรมที่เป็นของตน    จะน้อยหรือมาก   เลว
หรือประณีตก็ตาม  แล้วกำหนดคุณของปฏิคาหก  ชำระเจตนาทั้ง ๓ ให้
สะอาด     เชื่อผลของกรรม    แล้วทำการบริจาคก็ดี   ชื่อว่า    ปาริจริยา
การปรนนิบัติ.     บทว่า    พุทฺเธสุ    ความว่า   ในพระปัจเจกพุทธเจ้า
ทั้งหลาย.  บทว่า.  อปฺปกา  ความว่า ธรรมดาการปรนนิบัติที่จะย่อหย่อน
หรือน้อยไม่มี.     บทว่า   สุกฺขาย   ความว่า  ไม่มียางเหนียว.     บทว่า
อโลณิกาย  ความว่า  เว้นจากน้ำอ้อย.   อธิบายว่า  ก้อนขนมกุมมาสนั้น
ท่านกล่าวว่า   อโลณิกา   คือจืดชืด เพราะเขาทำสำเร็จรูปแล้ว   โดยไม่
ผสมน้ำอ้อย.   บทว่า  กุมฺมาสปิณฑิยา  ความว่า   พระราชาตรัสอย่างนี้
หมายถึงขนมกุมมาสที่พระโพธิสัตว์ถือไป  โดยรวมขนมกุมมาส ๔ ก้อน
เข้าด้วยกันนั่นเอง.  ทักขิณาทานที่ทายกกำหนดคุณของสมณะพราหมณ์
ทั้งหลาย   ผู้มีคุณแล้ว    ยังจิตให้เลื่อมใส    ยังเจตนาทั้ง ๓ ของผู้มุ่งหวัง
การเกิดผลให้ผ่องแผ้วแล้วจึงถวาย  ชื่อว่า  มีผลน้อยไม่มี   มีแต่จะอำนวย.
มหาสมบัติให้ในที่ที่เกิดแล้วเท่านั้น   เพราะฉะนั้น     ในข้อนี้   จึงมีคำที่
ท่านกล่าวรับรองไว้ว่า :-
หน้า ๔๒๖