๔๓๖    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๔๓๘
         ลำดับนั้น  พระราชเทวีนั้น  เมื่อจะทูลบอกกรรมดี  ในภพก่อน
ด้วยพระญาณที่ทรงระลึกชาติได้  จึงได้ตรัสคาถา ๒ คาถาที่เหลือว่า :-
                        ข้าแต่พระมหากษัตริย์  หม่อมฉันได้เป็น
           ทาส    ผู้รับใช้ผู้อื่นของตระกูลกุฎุมพี    เป็นผู้
           สำรวมระวัง     เลี้ยงชีพโดยชอบธรรม    มีศีล
           ไม่พบเห็นบาป.   ในครั้งนั้น   หม่อมฉันมีจิต
           เลื่อมใส    ได้สำรวมใจ    ถวายภัตตาหารที่เขา
           ยกให้เป็นส่วนของตน  แก่พระปัจเจกพุทธเจ้า
           ผู้กำลังเดินไปบิณฑบาต  ผลแห่งธรรมนั้นของ
           หม่อมฉัน   จึงเป็นเช่นนี้.
         ได้ทราบมาว่า แม้พระราชเทวีนั้น ก็ทรงระลึกชาติได้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น  พระนางจึงได้ทูลพระราชา โดยทรงกำหนดด้วยพระญาณ
ที่ทรงระลึกชาติของตนไว้นั่นเอง.
         บรรดาบทเหล่านั้น   บทว่า   อมฺพตฺถกุลสฺส   ความว่า  แห่ง
ตระกูลกุฎุมพี.  บทว่า  ทาสยาหํ  ตัดบทเป็น  ทาสี  อหํ  หม่อมฉันเป็น
ทาสี  ปาฐะว่า   ทาสาหํ   ดังนี้   ก็มี.  บทว่า  ปรเปสิยา  ความว่า  เป็นผู้
ทำการรับใช้ คือ  สาวใช้ที่ถูกผู้อื่นส่งไปเพื่อทำกิจนั้น ๆ.   บทว่า   สญฺตา
ความว่า    ธรรมดาว่า    ทาสีเป็นผู้ทุศีล    แต่หม่อมฉันเป็นผู้สำรวมด้วย
หน้า ๔๓๗