๔๓๗    ๕๙.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕    ๔๓๙
ทวาร  ๓   ถึงพร้อมแล้วด้วยศีล.     บทว่า    ธมฺมชีวินี    ความว่า   เป็นผู้
เลี้ยงชีพ    โดยไม่ทำการลวงผู้อื่นเป็นต้น    แล้วประพฤติโดยธรรมโดย
สม่ำเสมอ.   บทว่า  สีลวตี   ความว่า   หม่อมฉันเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอาจาระ
มีคุณความดี. บทว่า  อปาปทสฺสสนา  ความว่า  เป็นผู้พบเห็นสิ่งที่ดีงาม
คือมีธรรมเป็นที่รัก.  บทว่า   อุทฺธตภตฺตํ  ความว่า  ภัตรส่วนที่หม่อมฉัน
ได้    โดยยกขึ้น    ด้วยสามารถแห่งส่วนที่ถึงแก่ตน.    บทว่า    ภิกขุโน
ความว่า  แก่พระปัจเจกพุทธเจ้า  ผู้ทรงทำลายกิเลสแล้ว.    บทว่า  จิตฺตา
สุมนา   ความว่า   เป็นผู้ดีใจ   คือเกิดโสมนัสขึ้น   เชื่อผลของกรรมอยู่.
บทว่า  ตสฺส  กมฺมสฺส   ความว่า   แห่งกรรม   คือการถวายภิกษาอย่าง
เดียวนั้น.   มีคำอธิบายว่า    ข้าแต่มหาราช    เมื่อก่อนหม่อมฉันเป็นทาสี
ของตระกูลกุฎุมพีตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ในนครสาวัตถี  ถือเอาภัตตาหาร
ส่วนทีได้แล้วเดินออกไป    เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง   กำลังทรง
ดำเนินไปบิณฑบาต      ยังความยินดีของตนให้ห่อเหี่ยวลง      ถึงพร้อม
ด้วยคุณธรรม   มีความสำรวมระวังเป็นต้น   เชื่อผลของกรรมอยู่   จึงได้
ถวายภัตตาหารนั้น   แก่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น.     หม่อมฉันนั้น   ดำรง
อยู่จนตลอดอายุถึงแก่กรรมแล้ว   ได้ถือกำเนิดในพระอุทรของพระมเหสี
ของพระเจ้าโกศล     ในนครสาวัตถีนั้น     บัดนี้      กำลังบำเรอบาทของ
พระองค์  เสวยสมบัติเห็นปานนี้  ผลกรรมของหม่อมฉันนั้น เป็นอย่างนี้
คือเช่นนี้.    ในเรื่องนั้น    เพื่อแสดงถึงความที่ทานที่บุคคลถวายแล้วแก่
บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยคุณความดีว่ามีผลมาก      ควรอ้างคาถามาให้พิสดาร
มีอาทิว่า :-
หน้า ๔๓๘