๔๕๐    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๔๕๑
             บทว่า   นิวีสติ - ย่อมตั้งอยู่   คือ   ตั้งอยู่ด้วยความเป็นไปบ่อย ๆ
พึงทราบการเชื่อมความว่า   ตัณหาเมื่อเกิด   ย่อมเกิดที่ไหน    เมื่อตั้งอยู่
ย่อมตั้งอยู่ที่ไหน.
             บทว่า   ยํ  โลเก  ปิยรูปํ   สาตรูปํ - สิ่งใดเป็นที่รักที่ยินดีในโลก
คือ   สิ่งใดมีสภาพน่ารักและมีสภาวะหวานฉ่ำในโลก.
             พึงทราบวินิจฉัยในบทมีอาทิว่า   จกฺขุ  โลเก   ดังต่อไปนี้    สัตว์
ทั้งหลายยึดมั่นโดยความเป็นของเราในจักษุเป็นต้นในโลก   ตั้งอยู่ในสิ่ง
ที่ถึงพร้อม   ย่อมสำคัญประสาท  ๕  คือ   จักษุ   ของตนผ่องใสโดยการ
ถือเอานิมิตในกระจกเป็นต้น   ดุจสีหบัญชรทำด้วยแก้วมณีที่บุคคลยกขึ้น
ในวิมานทอง.   ย่อมสำคัญ   โสตะ   ดุจกล้องเงินและดุจสายสังวาล.
ย่อมสำคัญ   ฆานะ  ที่เรียกกันว่า  จมูกโด่งดุจเกลียวหรดาลที่บุคคลม้วน
ตั้งไว้.   ย่อมสำคัญ   ชิวหา  ให้รสหวานสนิทอ่อนนุ่มดุจผืนผ้ากัมพล
สีแดง.  ย่อมสำคัญ   กาย  ดุจต้นสาละอ่อนและดุจซุ้มประตูทอง.   ย่อม
สำคัญ  มนะยิ่งใหญ่ไม่เหมือน  มนะของคนอื่น. ย่อมสำคัญ  รูป
ดุจสีมีสีทองและดอกกรณิการ์เป็นต้น.  ย่อมสำคัญ    เสียง   ดุจเสียงขัน
ของนกการะเวก     และดุเหว่าที่กำลังเพลิน      และเสียงกังวานของขลุ่ย
แก้วมณีที่เป่าเบาๆ  ย่อมสำคัญอารมณ์มีกลิ่นเป็นต้น  ที่เกิดแต่มุฏฐาน
๔   ที่ตนได้แล้วว่า   ใครเล่าจะมีอารมณ์เห็นปานนี้.
             เมื่อสัตว์เหล่านั้นสำคัญอยู่อย่างนี้    จักษุเป็นต้นเหล่านั้น    ย่อม
เป็นปิยรูปและสาตรูป.    เมื่อเป็นเช่นนั้น    ตัณหาที่ยังไม่เกิดในปิยรูป
และลาตรูปนั้น     ย่อมเกิดแก่สัตว์เหล่านั้น,     และที่เกิดแล้วย่อมตั้งอยู่
ด้วยการเป็นไปบ่อย ๆ.   เพราะฉะนั้น    พระเถระจึงกล่าวว่า   จักษุเป็น
ปิยรูปสาตรูปในโลก,   ตัณหานี้เมื่อเกิดย่อมเกิดในสิ่งนี้.
             ในบทเหล่านั้น   บทว่า  อุปฺปชฺชมานา  ความว่า  เมื่อใดปิยรูป
สาตรูปเกิด,   เมื่อนั้นตัณหาย่อมเกิดในสิ่งนี้.
                             จบ   อรรถกถาสมุทยสัจนิทเทส
นิโรธสัจนิทเทส
             [๘๔]ในจตุราริยสัจนั้น    ทุกขนิโรธอริยสัจเป็นไฉน    การ
ดับตัณหานั้นด้วยความคลายกำหนัดโดยไม่เหลือ  ความสละ  ความสละ
คืน   ความหลุดพ้น   ความไม่อาลัย    ก็ตัณหานี้นั้นแล    เมื่อละย่อมละ
ได้ที่ไหน  เมื่อดับย่อมดับได้ที่ไหน   สิ่งใดเป็นที่รักที่ยินดีในโลก  ตัณหา
นี้เมื่อละก็ละได้ในสิ่งนั้น  เมื่อดับก็ดับได้ในสิ่งนั้น  จักษุเป็นที่รักที่ยินดี
ในโลก  ตัณหานี้เมื่อละย่อมละได้ที่จักษุนั้น  เมื่อดับย่อมดับได้ที่จักษุนั้น
โสตะ   ฯลฯ   ธรรมวิจารเป็นที่รักที่ยินดีในโลก  ตัณหานี้เมื่อละย่อมละได้
ที่ธรรมวิจารนั้น   เมื่อดับก็ดับได้ที่ธรรมวิจารนั้น  นี้ท่านกล่าวว่า  ทุกข-
นิโรธอริยสัจ.