๔๗๐    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๔๗๑
           พึงทราบบททั้งปวงว่า  พระโยคาวจรทำบริกรรมด้วยเมตตา,  ทำ
บริกรรมด้วยกรุณาแล้วเข้าฌาน  โดยนัยก่อนนั่นแล.   ความดำริอันเกิด
ขึ้นอย่างนี้   พึงทราบว่าท่านกล่าวว่า อพฺยาปาทสงฺกปฺ  อวิหิงฺสา-
สงฺกปฺโป.    เนกขัมมสังกัปปะเป็นต้น  เหล่านี้ต่างกันในส่วนเบื้องต้น
เพราะการเกิดขึ้นต่างด้วยอำนาจวิปัสสนาและฌาน,    แต่ความดำริที่
เป็นกุศลอย่างเดียวเท่านั้น  ยังองค์มรรคให้บริบูรณ์ด้วยทำการไม่เกิดให้
สำเร็จ   เพราะตัดเหตุแห่งความดำริที่เป็นอกุศล     ซึ่งเกิดขึ้นในฐานะ ๓
เหล่านี้  ในขณะแห่งมรรคเกิดขึ้น  นี้ชื่อว่า  สัมมาสังกัปปะ.
           พึงทราบวินิจฉัยใน  สัมมาวาจานิทเทส   ดังต่อไปนี้    เพราะ
 ภิกษุเว้นจาก มุสาวาทด้วยจิตอื่น    เว้นจากปิสุณาวาจาเป็นต้น     ด้วยจิต
 อื่นๆ   ฉะนั้นการเว้นอย่างนี้   จึงต่างกันในส่วนเบื้องต้น,  แต่
ในขณะแห่งมรรค  การเว้นที่เป็นกุศลกล่าวคือสัมมาวาจาอย่างเดียวเท่า
นั้น  ยังองค์มรรค ๘ ให้บริบูรณ์ด้วยสามารทำความไม่เกิดให้สำเร็จได้
เพราะตัดทางแห่งเจตนาอันเป็นอกุศล   และความเป็นผู้ทุศีล  ๔  อย่าง
กล่าวคือมิจฉาวาจา  ย่อมเกิดขึ้น   นี้ชื่อว่า  สัมมาวาจา.
         พึงทราบวินิจฉัยใน สัมมากัมมันตนิทเทส ดังต่อไปนี้ เพราะ
ภิกษุเว้นจากปาณาติบาตด้วยจิตอื่น        เว้นจากอทินนาทานด้วยจิตอื่น
เว้นจากมิจฉาจารด้วยจิตอื่น   ฉะนั้นการเว้น ๓ อย่างเหล่านี้  จึงต่างกัน
ในส่วนเบื้องต้น   แต่ในขณะแห่งมรรค    การเว้นที่เป็นกุศล   กล่าวคือ
สัมมากัมมันตะ     เป็นอย่างเดียว    ยังองค์แห่งมรรคให้บริบูรณ์ด้วย
สามารถทำการไม่เกิดให้สำเร็จ     เพราะตัดทางแห่งเจตนาอันเป็นอกุศล
และความเป็นผู้ทุศีล ๓ อย่าง  ได้แก่ มิจฉากัมมันตะ  เกิดขึ้น.    นี้
ชื่อว่า  สัมมากัมมันตะ.
             พึงทราบวินิจฉัยใน  สัมมาอาชีวนิทเทส   ดังต่อไปนี้    บทว่า
อิธ   ได้แก่   ในศาสนานี้.       บทว่า   อริยสาวโก  ได้แก่    สาวกของ
พระพุทธเจ้าผู้เป็นอริยะ.      บทว่า   มิจฺฉาอาชีวํ   ปหาย  ได้แก่   ละ
 อาชีวะที่ลามก.   บทว่า สมฺมาอาชีเวน ได้แก่  อาชีพที่ดีที่พระพุทธเจ้า
 ทางสรรเสริญ.     บทว่า   ชีวิตํ   กปฺเปติ-สำเร็จความเป็นอยู่   ได้แก่
 ยังความเป็นไปของชีวิตให้เป็นไป.
             เพราะภิกษุในศาสนานี้     เว้นจากการก้าวล่วงทางกายทวารด้วย
 จิตอื่น   เว้นจากการก้าวล่วงทางวจีทวารด้วยจิตอื่น     ฉะนั้นอาชีวะย่อม
 เกิดขึ้นในขณะต่าง ๆ กันในส่วนเบื้องต้น       แต่ในขณะแห่งมรรคการ
 เว้นที่เป็นกุศล   กล่าวคือ  สัมมาอาชีวะเป็นอย่างเดียว  ยังองค์แห่งมรรค
 ให้บริบูรณ์ด้วยสามารถทำความไม่เกิดให้เสร็จ  เพราะตัดทางแห่งเจตนา
 อันเป็นมิจฉาอาชีวะ   และความเป็นผู้ทุศีลอันเกิดขึ้นด้วยสามารถกรรม-
 บถ  ๗ ในทวาร ๒  เกิดขึ้น  นี้ชื่อว่า  สัมมาอาชีวะ.
             พึงทราบวินิจฉัยใน  สัมมาวายามนิทเทส  ดังต่อไปนี้   บทว่า
 อิธ  ภิกฺขุ  ได้แก่  ภิกษุผู้ปฏิบัติในศาสนานี้.