สังโยชน์ที่เหลือด้วยฌานที่ ๒. ท่านกล่าวถึงความสงัดด้วยการข่ม |
กิเลสอันสัมปยุตด้วยตัณหา ด้วยฌานที่ ๑. ท่านกล่าวความสงัดด้วย |
การข่มกิเลส อันสัมปยุตด้วยอวิชชา ด้วยฌานที่ ๒. อีกอย่างหนึ่ง |
พึงทราบว่า ท่านกล่าวถึงความสงัดด้วยการข่ม จิตตุปบาท ๘ ดวง อัน |
สัมปยุตด้วยโลภะ ด้วยฌานที่ ๑, ท่านกล่าวถึงความสงัดด้วยการข่ม |
จิตตุปบาทที่เป็นอกุศล ๔ ดวงที่เหลือด้วยฌานที่ ๒. |
ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ พระสารีบุตรครั้นแสดงองค์แห่งการละ |
ฌานที่ ๑ แล้ว บัดนี้ เพื่อแสดงองค์แห่งการประกอบร่วมกัน จึงกล่าว |
บทมีอาทิว่า สวิตกฺกํ สวิจารํ - มีวิตกวิจาร ดังนี้. |
ในบทเหล่านั้น วิตก มีลักษณะยกจิตไว้ในอารมณ์. วิจาร |
มีลักษณะคลุกเคล้าอารมณ์. อนึ่ง เมื่ออารมณ์เหล่านั้นยังไม่ออกไป |
ในที่ไหน ๆ วิตก คือ อารมณ์ที่เกาะจิตเป็นครั้งแรก ด้วยอรรถว่า |
เป็นอารมณ์หยาบ และด้วยอรรถไปถึงก่อนดุจเคาะระฆัง, วิจาร คือ |
อารมณ์ที่ผูกพันอยู่กับจิต ด้วยอรรถว่า เป็นอารมณ์ละเอียดและมีสภาพ |
คลุกเคล้าด้วยจิต ดุจเสียงครางของระฆัง. |
อนึ่ง วิตกมีการกระจายไปในอารมณ์ ในขณะเกิดครั้งแรกทำ |
ให้จิตสั่นสะเทือน ดุจนี้ประสงค์จะบินไปบนอากาศกระพือปีก, และ |
ดุจภมรตามกลิ่นหอมบินมุ่งไปเกาะที่ดอกบัวฉะนั้น. วิจารมีความเป็นไป |
อย่างสงบ ไม่ทำจิตให้สั่นสะเทือนดุจนกที่บินขึ้นไปบนอากาศเหยียดปีก |
ออกไป และดุจภมรเกาะที่ดอกบัวเคล้าอยู่บนดอกบัวฉะนั้น. |