ความปรากฏในสมัยนั้น ๆ. ปีตินี้และสุขนี้มีอยู่แก่ฌานนั้น หรือมีอยู่ |
ในฌานนั้น เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวฌานนี้ว่า ปีติสุขํ ดังนี้. |
อีกอย่างหนึ่ง ปีติและสุข ชื่อว่า ปีติสุขํ เหมือนธรรมและ |
วินัยเป็นต้น, ปีติสุขเกิดแต่วิเวก ย่อมมีแก่ฌานนั้น หรือมีในฌานนั้น |
เพราะเหตุนั้น ปีติสุขจึงเกิดแต่วิเวกด้วยประการฉะนี้. แม้ปีติสุขในญาณ |
นี้ก็เกิดแต่วิเวกเท่านั้น เช่นเดียวกับฌาน. อนึ่ง ปีติสุขมีแก่ฌานนั้น. |
เพราะฉะนั้น การทำเป็นอโลปสมาส - สมาสที่ไม่ลบวิภัตติ แล้วกล่าวว่า |
วิเวกชํ ปีติสุขํ - ปีติสุขเกิดแต่วิเวก ดังนี้ โดยบทเดียวเท่านั้นสมควร. |
บทว่า ปฐมํ ชื่อว่า ปฐม เพราะตามลำดับของการนับ, |
ชื่อว่า ปฐม เพราะอรรถว่า เกิดก่อนบ้าง. |
บทว่า ฌานํ ฌานมี ๒ อย่าง คือ อารัมมณูปนิชฌาน- |
เพ่งอารมณ์ และ ลักขณูปนิชฌาน - เพ่งลักษณะ ในฌาน ๒ อย่าง |
นั้น สมาบัติ ๘ เข้าไปเพ่งอารมณ์มีปฐวีกสิณเป็นต้น ชื่อว่า อารัม- |
มณูปนิชฌาน. วิปัสสนามรรคและผล ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน. |
ในวิปัสสนามรรคและผลเหล่านั้น วิปัสสนา ชื่อว่า ลักขณู- |
ปนิชฌาน เพราะเข้าไปเพ่ง ซึ่งลักษณะมีอนิจลักษณะเป็นต้น, มรรค |
ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน เพราะกิจทำด้วยวิปัสสนาสำเร็จด้วยมรรค, |
ส่วนผล ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน เพราะอรรถว่า เข้าไปเพ่งนิโรธสัจ |
อันเป็นลักษณะที่จริงแท้. ในฌานทั้งสองนั้น ในส่วนเบื้องต้นนี้ท่าน |