ให้เจริญงอกงาม. อนึ่ง เพราะ เอโกทิ นี้ เป็นธรรมเอกเกิดขึ้น |
แก่จิต มิใช่แก่สัตว์ มิใช่แก่ชีวะ. ฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า เจตโส |
เอโกทิภาวํ - ความเป็นธรรมเอกเกิดขึ้นแก่จิต. |
ศรัทธานี้แม้ในปฐมฌานก็มี, อนึ่ง สมาธินี้มีชื่อว่า เอโกทิ |
มิใช่หรือ. เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไร ท่านจึงกล่าวว่า สมฺปสาทนํ |
เจตโส เอโกทิภาวํ - ทุติยฌานอันเป็นการผ่องใสแห่งจิต เป็นธรรม |
เอกผุดขึ้น. แก้ว่า เพราะปฐมฌานนั้นยังไม่ผ่องใสดีด้วยวิตกวิจารกำเริบ |
เหมือนน้ำ กำเริบด้วยลูกคลื่น, ฉะนั้น แม้เมื่อมีศรัทธาท่านก็ไม่กล่าว |
ว่า สมฺปสาทนํ - เป็นความผ่องใส. อนึ่ง แม้สมาธิในปฐมฌานนี้ |
ก็ไม่ปรากฏด้วยดีเพราะไม่ผ่องใส, เพราะฉะนั้น ท่านจึงไม่กล่าวว่า |
เอโกทิภาวํ. |
อนึ่ง ในฌานนี้ศรัทธามีกำลังได้โอกา เพราะไม่มีความพัวพัน |
ด้วยวิตกและวิจาร. ศรัทธามีกำลังสมาธิก็ปรากฏ เพราะได้เพื่อนนั่น |
เอง. เพราะฉะนั้น พึงทราบว่า บทนี้ ท่านจึงกล่าวไว้อย่างนี้. |
บทว่า อวิตกกํ อวิจารํ - ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร. ชื่อว่า อวิตกฺกํ |
เพราะอรรถว่า วิตกไม่มีในฌานนี้หรือแก่ฌานนี้ เพราะละได้ด้วย |
ภาวนา. ชื่อว่า อวิจารํ ก็โดยนัยนี้เหมือนกัน. |
ในบทนี้ พระสารีบุตรกล่าวว่า แม้ด้วยบทนี้ว่า วิตกฺกวิจารานํ |
วูปสมา - เพราะวิตกวิจารสงบ ก็สำเร็จความนี้แล้วมิใช่หรือ, เมื่อเป็น |