วิตกวิจารยังกำเริบ. เพราะฉะนั้น เพื่อพรรณนาถึงคุณของฌานนี้ |
ท่านจึงกล่าวว่า สมาธิชํ. บทว่า ปีติสุขํ นี้ มีนัยดังกล่าวแล้ว. |
บทว่า ทุติยํ คือ ฌานที่สองตามลำดับของการนับ, ชื่อ ทุติยํ เพราะ |
เกิดครั้งที่สองบ้าง. |
บทว่า ปีติยา จ วิราคา - อนึง เพราะปีติสิ้นไป ความว่า |
การเกลียดหรือการก้าวล่วงปีติมีประการดังกล่าวแล้ว ชื่อว่า วิราคะ, |
จ ศัพท์ในระหว่างสองบทนั้นเป็น สัมปิณฑนัตถะ ลงในอรรถว่า |
รวม. จ ศัพท์นั้นย่อมรวมความสงบ หรือวิตกวิจารสงบเข้าด้วยกัน. |
เพราะปีติสิ้นไปในขณะที่รวมความสงบไว้ได้นั่งเอง, อย่างไรก็ดี โดย |
เฉพาะอย่างยิ่ง พึงทราบการประกอบอย่างนี้ว่า วูปสมา จ ดังนี้. |
อนึ่ง การสิ้นไปแห่งปีติที่ประกอบไว้นี้ มีความว่าน่าเกลียด, |
เพราะฉะนั้น พึงเห็นความนี้ว่า เพราะน่าเกลียดและก้าวล่วงปีติ, เพราะ |
ปีติสิ้นไปในขณะรวมความสงบแห่งวิตกวิจารไว้, อย่างไรก็ดี โดยเฉพาะ |
อย่างยิ่งพึงทราบการประกอบอย่างนี้ว่า เพราะวิตกวิจารสงบดังนี้. การ |
สิ้นปีติที่ประกอบไว้นี้ มีความว่าก้าวล่วง, เพราะฉะนั้น พึงเห็นความ |
อย่างนี้ว่า เพราะปีติก้าวล่วงไป และเพราะวิตกวิจารสงบ. |
วิตกวิจารเหล่านี้สงบแล้วในทุติยฌานก็จริง, แต่ถึงดังนั้น เพื่อ |
แสดงมรรคและเพื่อพรรณนาคุณของฌานนี้ ท่านจึงกล่าวบทนี้ไว้. |
จริงอยู่ เมื่อท่านกล่าวว่า วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา ฌานนี้ย่อมปรากฏ |