๕๑๘    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๕๑๙
เสริญว่า  ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา  มีสติอยู่เป็นสุข. ในบทนี้พึงทราบ
การประกอบอย่างนี้ว่า  ภิกษุเข้าตติยฌานนั้นอยู่เป็นสุข   ดังนี้.
             ก็เพราะเหตุไรพระอริยเจ้าเหล่านั้น  จึงสรรเสริญบุคคลนั้นอย่าง
นี้  ? เพราะเป็นผู้ควรแก่การสรรเสริญ.   ด้วยว่าบุคคลนี้แม้เมื่อความสุข
มีรสสดชื่นยิ่ง     บรรลุบารมีอันเป็นความสุขแล้วก็ยังเป็นผู้มีอุเบกขาใน
ตติยฌาน,  ไม่ถูกความข้องต่อความสุขในฌานนั้นฉุดคร่าไว้.  ภิกษุชื่อว่า
มีสติ   เพราะตั้งสติไว้มั่นโดยที่ปีติยังไม่เกิด.
             อนึ่ง  เพราะภิกษุเสวยสุขไม่เศร้าหมองที่อริยชนใคร่   และอริย-
ชนเสพด้วยนามกาย    ฉะนั้น   จึงเป็นผู้ควรแก่การสรรเสริญ.    เพราะ
ภิกษุเป็นผู้ควรแก่การสรรเสริญ   พระอริยเจ้าเหล่านั้นจึงประกาศบุคคล
นั้นในคุณอันเป็นเหตุควรแก่การสรรเสริญอย่างนี้      พึงทราบว่า   ท่าน
สรรเสริญไว้อย่างนี้ว่า   อุเปกฺขโก  สติมา  สุขวิหารี - เป็นผู้มีอุเบกขา
มีสติอยู่เป็นสุขดังนี้.  บทว่า  ตติยํ   ชื่อว่า  ตติยะ   เพราะตามลำดับของ
การนับ.  ชื่อว่า   ตติยะ    เพราะเกิดเป็นครั้งที่  ๓  บ้าง.
             บทว่า  สุขสฺส  จ  ปหานา  ทุกฺขสฺส  จ  ปหานา - เพราะ
ละสุขและละทุกข์  ได้แก่  เพราะละสุขทางกาย   และทุกข์ทางกาย.
             บทว่า  ปุพฺเพว  คือ  เพราะละสุขและทุกข์นั้นก่อนๆ ได้,  มิ
ใช่ละได้ในขณะจตุตถฌาน.  บทว่า  โสมนสฺสโทมนสฺสานํ  อตฺถงฺ-
คมา - เพราะดับโสมนัสและโทมนัสได้  คือ  เพราะดับโสมนัสและโทม-
นัสทั้งสองนี้  คือ  สุขทางใจและทุกข์ทางใจก่อน ๆ ได้,  เป็นอันท่าน
กล่าวว่า  ปหานา - เพราะละอย่างนี้  ด้วยประการฉะนี้.
          ทั้งสองนั้นจะละได้เมื่อไร ?     ละได้ในขณะอุปจารแห่งฌาน ๔
จริงอยู่    โสมนัสละได้ในขณะอุปจารแห่งฌานที่  ๔ เท่านั้น,      ทุกข์
โทมนัส   สุขละได้ในขณะอุปจารแห่งฌานที่  ๑  ที่  ๒   และที่  ๓.  เมื่อ
ท่านไม่กล่าวฌานเหล่านี้ตามลำดับแห่งการละอย่างนี้    แต่ในอินทริย-
วิภังค์  พึงทราบการละสุข  ทุกข์  โสมนัส  และโทมนัสไว้ในที่นี้ตาม
ลำดับแห่งอุทเทสของอินทรีย์ทั้งหลาย.
           ผิว่า   สุข  ทุกข์  โสมนัสและโทมนัสเหล่านี้ละได้ในขณะอุป-
จารแห่งฌานนั้น ๆ  ไซร้,  เมื่อเป็นเช่นนั้นเหตุไรท่านจึงกล่าว   นิโรธ
นั้นไว้ในฌานอย่างนี้ว่า   ก็ทุกขินทรีย์เกิดแล้วย่อมดับไม่มีเหลือใน
ที่ไหน.    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุในธรรมวินัยนี้สงัดจากกาม
ฯลฯ    เข้าถึงปฐมฌานอยู่.   ทุกขินทรีย์เกิดขึ้นแล้ว   ย่อมดับไป
ไม่มีเหลือในที่นี้.   โทมนัสสินทรีย์  สุขินทรีย์   โสมนัสสินทรีย์
เกิดขึ้นแล้ว  ย่อมดับไปไม่มีเหลือในที่ไหน.  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้       เพราะละสุขและทุกข์ได้ ฯลฯ  เข้าถึง
จตุตถฌานอยู่.  โสมนัสสินทรีย์เกิดขึ้นแล้ว  ย่อมดับไปไม่มี
๑. อภิ. วิ. ๓๕/๒๓๖.