๕๒๐    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๕๒๑
เหลือในที่นี้  เพราะดันวิเศษยิ่ง.   จริงอยู่การดับอย่างวิเศษยิ่งของทุก-
ขินทรีย์เป็นต้น  เหล่านั้นมีในปฐมฌานเป็นต้น,   มิใช่นิโรธในอุปจาร
เท่านั้นดับ.    นิโรธดับในขณะแห่งอุปจาร    มิใช่ดับอย่างดียิ่ง.    เป็น
ความจริงอย่างนั้น   ทุกขินทรีย์แม้ดับไปในอุปจารแห่งปฐมฌานในการ
พิจารณาต่าง ๆ    ก็พึงเกิดขึ้นได้ด้วยถูกเหลือบและยุงเป็นต้นกัด  หรือ
ด้วยความลำบากที่มีอาสนะไม่เรียบ   มิใช่ภายในอัปปนาเท่านั้น.
          อีกอย่างหนึ่ง  ทุกขินรีย์เป็นต้นนี้   แม้ดับแล้วในอุปจาร,   ก็เป็น
อันว่ายังดับไม่มีนัก   เพราะยังกำจัดปฏิปักษ์ไม่ได้,   แต่กายทั้งหมดหยั่ง
ลงสู่ความสุขด้วยการซ่านไปแห่งปีติในภายในอัปปนา,    อนึ่ง   ทุกขิน-
ทรีย์เป็นอันดับไปด้วยดี    เพราะกายหยั่งลงสู่ความสุขกำจัดปฏิปักษ์เสีย
ได้.
           อนึ่ง  ทุกขินทรีย์นี้เมื่อยังมีความลำบากกายและจิตมุ่งร้าย    แม้
มีวิตกวิจารเป็นปัจจัย   ย่อมเกิดขึ้นแก่โทมนัสสินทรีย์   แม้ละได้แล้วใน
อุปจารแห่งทุติยฌาน    ในการพิจารณาต่าง ๆ,  ทุติยฌาน   ย่อมเกิดขึ้น
เพราะไม่มีวิตกวิจารนั่นเอง.    ทุกขินทรีย์เกิดขึ้นในความมีวิตกวิจารใน
ฌานที่ทุกขินทรีย์เกิดขึ้น.    ทุกขินทรีย์พึงเกิดขึ้นในฌานนั้น    เพราะ
วิตกวิจารยังละไม่ได้ในอุปจารแห่งทุติยฌาน,  ในทุติยฌานไม่ต้องพูดถึง
กันละเพราะมีปัจจัยอันละได้แล้ว.
๑. สํ. มหา. ๑๙/๙๕๗.
           อนึ่ง   แม้สุขินทรีย์ละได้แล้วในอุปจารแห่งตติยฌาน  กายที่ถูก
รูปประณีตมีปีติเป็นสมุฏฐานก็พึงเกิดขึ้นได้,    ในตติยฌานไม่ต้องพูดถึง
กันละ.    เพราะในตติยฌานปีติเป็นปัจจัยแห่งความสุขเป็นอันดับไปโดย
ประการทั้งปวง.      เพราะโสมนัสสินทรีย์แม้ละได้ในอุปจารแห่วจตุตถ-
ฌานก็ใกล้เข้าไปแล้วเช่นกัน    เพราะไม่มีอุเบกขาที่ถึงขั้นอัปปนา   และ
เพราะไม่ก้าวล่วงไปโดยชอบ  ปีติก็จะพึงเกิดขึ้นได้.  ในจตุตถฌานไม่ต้อง
พูดถึงกันละ.  เพราะฉะนั้นจึงถือเอาโดยไม่เหลือในบทนั้น ๆ ว่า   เอตฺ-
ถุปฺปนฺนํ  ทุกฺขินฺทฺริยํ  อปริเสสํ  นิรุชฺฌติ - ทุกขินทรีย์เกิดขึ้นแล้ว
ย่อมดับไปโดยไม่เหลือในที่นี้  ดังนี้  ด้วยประการฉะนี้.
           ในบทนี้พระเถระกล่าวว่า    เมื่อเป็นเช่นนั้นเวทนาแม้ละได้แล้ว
ในอุปจารแห่งฌานนั้น ๆ อย่างนี้ เหตุใดจึงนำมารวมไว้ในที่นี้อีก  ?  เพื่อ
ถือเอาสุขเวทนา.   จริงอย่างนั้นอทุกขมสุขเวทนาที่ท่านกล่าวไว้ในบทนี้
ว่า   อทุกฺขมสุขํ   เป็นเวทนาที่ละเอียดอ่อนรู้ได้ยาก.   คือ  ไม่สามารถ
ถือเอาได้ง่ายนัก,    เพราะฉะนั้น   จึงนำเวทนาทั้งหมดมารวมกันเพื่อถือ
เอาความสุขเหมือนคนเลี้ยงโคนำโคทั้งหมดมารวมกันในคอกเดียว  เพื่อ
จะจับโคดุ  ซึ่งไม่มีใครสามารถจะเข้าไปจับใกล้ ๆ ได้  เพราะมันเป็นโคดุ,
ครั้นแล้วจึงนำออกทีละตัว   สั่งให้จับตัวที่มาถึงตามลำดับว่านี้โคตัวนั้นจับ
มันดังนี้.     ครั้นแสดงเวทนาเหล่านี้ที่นำมารวมไว้อย่างนี้แล้วว่า   สิ่งใด