๕๒๔    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๕๒๕
กันแม้มีอยู่  ก็เป็นอันไม่บริสุทธิ์ในประเภทมีปฐมฌานเป็นต้น   เหมือน
ดวงจันทร์ครอบงำแสงอาทิตย์ในกลางวัน   ไม่ได้ราตรีอันเป็นสภาคกัน
โดยความเป็นดวงจันทร์หรือโดยความเป็นอุปการะของตน    แม้มีอยู่ใน
กลางวันมีไม่บริสุทธิ์ไม่ผ่องใสฉะนั้น.
         อนึ่ง  เมื่อดวงจันทร์   คือ  ตัตรมัชฌัตตุเบกขานั้นไม่บริสุทธิ์
สติเป็นต้น  แม้เป็นสหชาตปัจจัยก็เป็นอันไม่บริสุทธิ์ด้วย   ดุจรัศมีของ
ดวงจันทร์ที่ไม่บริสุทธิ์ในกลางวันฉะนั้น.       เพราะฉะนั้น   ในเวทนา
เหล่านั้นท่านไม่กล่าวถึงเวทนาแม้อย่างหนึ่งว่า   อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ.
แต่ในที่นี้ดวงจันทร์     คือ   ตัตรมัชฌัตตุเบกขานี้ไม่มีการครอบงำด้วย
ธรรมเดชอันเป็นข้าศึกแก่วิตกเป็นต้น  และได้ราตรี  คือ อุเบกขาเวทนา
อันเป็นสภาคกัน   จึงเป็นอันบริสุทธิ์อย่างยิ่ง,      เพราะดวงจันทร์  คือ
ตัตรมัชฌัตตุเบกขานั้นบริสุทธิ์   สติเป็นต้น   แม้เป็นสหชาตธรรมก็เป็น
อันบริสุทธิ์ผ่องใส  ดุจรัศมีของดวงจันทร์บริสุทธิ์ฉะนั้น.  เพราะฉะนั้น
พึงทราบว่า  ท่านกล่าวบทนี้ไว้อย่างนี้ว่า   อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ  ดังนี้.
บทว่า   จตุตฺถํ   ชื่อว่า   จตุตถะ เพราะตามลำดับของการนับ, ชื่อว่า
จตุตถะ   เพราะเกิดเป็นครั้งที่ ๔ บ้าง.
           ฌาน  ๔  เหล่านี้ต่างกันในส่วนเบื้องต้นบ้าง,   ในขณะแห่งมรรค
บ้าง.    ในส่วนเบื้องต้นต่างกันด้วยสมาบัติ,     ในขณะแห่งมรรคต่างกัน
ด้วยมรรค.    จริงอยู่   ปฐมมรรคแห่งฌานหนึ่งมีอยู่ในปฐมฌาน,   แม้
ทุติยมรรคเป็นต้น   ก็มีอยู่ในปฐมฌาน   หรือยู่ในฌานอย่างใดอย่าง
หนึ่ง  ในทุติยฌานเป็นต้น.  ปฐมมรรคแห่งฌานหนึ่งมีอยู่ในฌานอย่าง
ใดอย่างหนึ่ง   ในทุติยฌานเป็นต้น,   แม้ทุติยมรรคเป็นต้น   ก็มีอยู่ใน
ฌานอย่างใดอย่างหนึ่ง  ในทุติยฌานเป็นต้น   หรือมีอยู่ในปฐมฌาน
           มรรคแม้  ๔ อย่างเหมือนกันบ้าง  ไม่เหมือนกันบ้าง     เหมือน
กันบางส่วนบ้าง   ด้วยอำนาจของฌาน  ด้วยประการฉะนี้.   ความวิเศษ
แห่งมรรคนั้นย่อมมีโดยกำหนดฌานเป็นบาท.
           จริงอยู่  เมื่อผู้ได้ปฐมฌานออกจากปฐมฌานแล้วเห็นแจ้งมรรค
ที่เกิดแล้ว  ย่อมมีในปฐมฌาน,   อนึ่ง   โพชฌงค์อันเป็นองค์แห่งมรรค
เป็นอันบริบูรณ์แล้วในปฐมฌานนี้.      เมื่อผู้ได้ทุติยฌานออกจากทุติย-
ฌานแล้วเห็นแจ้งมรรคที่เกิดขึ้นแล้ว   ย่อมมีในทุติยฌาน,      องค์แห่ง
มรรคในทุติยฌานนี้มี  ๗ อย่าง.      ผู้ได้ตติยฌานออกจากตติยฌานแล้ว
เห็นแจ้งมรรคที่เกิดขึ้นแล้ว     ย่อมมีในตติยฌาน.     องค์แห่งมรรคใน
ตติยฌานนี้มี  ๗  อย่าง    โพชฌงค์มี  ๖  อย่าง.       นัยนี้ย่อมได้ตั้งแต่
จตุตถฌานจนถึงเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน.   จตุกฌานและปัญจกฌาน
ย่อมเกิดในความไม่มีรูป.   อนึ่ง   จตุกฌานและปัญจกฌานนั้นแล   เป็น
โลกุตระ  ท่านกล่าวว่าไม่เป็น โลกิยะ.   ในฌานนี้ท่านกล่าวไว้อย่างไร ?
ภิกษุใดออกจากฌานมีปฐมฌานเป็นต้นในฌานนี้แล้ว      ได้โสดาปัตติ
มรรคแล้วเจริญอรูปสมาบัติเกิดแล้วในความไม่มีรูป, มรรค ๓  ในฌาน