กันแม้มีอยู่ ก็เป็นอันไม่บริสุทธิ์ในประเภทมีปฐมฌานเป็นต้น เหมือน |
ดวงจันทร์ครอบงำแสงอาทิตย์ในกลางวัน ไม่ได้ราตรีอันเป็นสภาคกัน |
โดยความเป็นดวงจันทร์หรือโดยความเป็นอุปการะของตน แม้มีอยู่ใน |
กลางวันมีไม่บริสุทธิ์ไม่ผ่องใสฉะนั้น. |
อนึ่ง เมื่อดวงจันทร์ คือ ตัตรมัชฌัตตุเบกขานั้นไม่บริสุทธิ์ |
สติเป็นต้น แม้เป็นสหชาตปัจจัยก็เป็นอันไม่บริสุทธิ์ด้วย ดุจรัศมีของ |
ดวงจันทร์ที่ไม่บริสุทธิ์ในกลางวันฉะนั้น. เพราะฉะนั้น ในเวทนา |
เหล่านั้นท่านไม่กล่าวถึงเวทนาแม้อย่างหนึ่งว่า อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ. |
แต่ในที่นี้ดวงจันทร์ คือ ตัตรมัชฌัตตุเบกขานี้ไม่มีการครอบงำด้วย |
ธรรมเดชอันเป็นข้าศึกแก่วิตกเป็นต้น และได้ราตรี คือ อุเบกขาเวทนา |
อันเป็นสภาคกัน จึงเป็นอันบริสุทธิ์อย่างยิ่ง, เพราะดวงจันทร์ คือ |
ตัตรมัชฌัตตุเบกขานั้นบริสุทธิ์ สติเป็นต้น แม้เป็นสหชาตธรรมก็เป็น |
อันบริสุทธิ์ผ่องใส ดุจรัศมีของดวงจันทร์บริสุทธิ์ฉะนั้น. เพราะฉะนั้น |
พึงทราบว่า ท่านกล่าวบทนี้ไว้อย่างนี้ว่า อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ ดังนี้. |
บทว่า จตุตฺถํ ชื่อว่า จตุตถะ เพราะตามลำดับของการนับ, ชื่อว่า |
จตุตถะ เพราะเกิดเป็นครั้งที่ ๔ บ้าง. |
ฌาน ๔ เหล่านี้ต่างกันในส่วนเบื้องต้นบ้าง, ในขณะแห่งมรรค |
บ้าง. ในส่วนเบื้องต้นต่างกันด้วยสมาบัติ, ในขณะแห่งมรรคต่างกัน |
ด้วยมรรค. จริงอยู่ ปฐมมรรคแห่งฌานหนึ่งมีอยู่ในปฐมฌาน, แม้ |