๕๖๐    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๕๖๑
                       พระมุนีทั้งหลาย  มีพระทีปังกรพุทธเจ้า
            เป็นต้น  ถึงความเป็นพระสัพพัญญูเสด็จมาแล้ว
            ในโลกนี้  อย่างใด,  แม้พระศากยมุนีผู้มีจักขุนี้ก็
            เสด็จมาแล้วเหมือนอย่างนั้น  ด้วยเหตุนั้น  บัณฑิต
            จึงขนานพระนามว่า  ตถาคต.
            พระผู้มีพระภาคเจ้า  พระนามว่า ตถาคต  เพราะอรรถว่าเสด็จ
ไปแล้วเหมือนอย่างนั้น  เป็นอย่างไร  ?  พระผู้มีพระภาคเจ้าแต่ก่อนที่
ประสูติแล้ว  ในบัดนี้ ชื่อว่า  เสด็จไปแล้ว.  พระผู้มีพระภาคเจ้า
เหล่านั้น   ชื่อว่า  เสด็จไปแล้วอย่างไร ?  เพราะว่า  พระผู้มีพระภาคเจ้า
เหล่านั้นประสูติแล้วในบัดนี้  ประดิษฐานพระบาททั้งสองเสมอกันบน
แผ่นดิน  หันพระพักตร์ไปทางทิศอุดรเสด็จดำเนินไปด้วยอย่างพระบาท
๗  ก้าว.  สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
                       ดูก่อนอานนท์  พระโพธิสัตว์ที่ประสูติ  ใน
             บัดนี้   ประดิษฐานพระบาททั้งสองเสมอกันบน
             แผ่นดิน  หันพระพักตร์ไปทางทิศอุดร  เสด็จไป
             ด้วยย่างพระบาท  ๗  ก้าว  เมื่อเทพบุตรกั้นเศวตรฉัตร
             ตามเสด็จพระโพธิสัตว์จะเหลียวดูทิศทั้งปวง,  และ
             ทรงเปล่งพระวาจาอย่างผู้องอาจว่า  อคฺโคหมสฺมิ
             โลกสฺส,  เชฏฺโ€หมสฺมิ  โลกสฺส  เสฏฺโ€หมสฺมิ
             โลกสฺส,  อยมนฺติมา  ชาติ  นตฺถิทานิ ปุนพฺภโวติ.
             แปลว่า   เราเป็นผู้เลิศในโลก   เราเป็นผู้เจริญที่สุด
             ในโลกเราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก   ชาตินี้เป็น
             ชาติสุดท้าย   บัดนี้  ภพใหม่จะไม่มีอีก.
             การดำเนินไปของพระโพธิสัตว์นั้นได้ชื่อว่า   เป็นความจริงแท้
แน่นอน    โดยเป็นบุพนิมิตแห่งการตรัสรู้ธรรมวิเศษมิใช่น้อย.    ข้อที่
พระโพธิสัตว์นั้นประสูติในบัดนี้     ประดิษฐานพระบาทเสมอกัน   นี้
เป็นบุพนิมิตแห่งการได้อิทธิบาท ๔    ของพระโพธิสัตว์นั้น,     การหัน
พระพักตร์ไปทางทิศอุดร  เป็นบุพนิมิตแห่งความเป็นโลกุตรทั้งหมดของ
พระโพธิสัตว์,      การย่างพระบาท  ๗  ก้าว      เป็นบุพนิมิตแห่งการได้
โพชฌังครัตนะ  ๗,   ส่วนการยกแส้จามรขึ้นดังกล่าวไว้     ในบทนี้ว่า
สุวณฺณทณฺฑา  วีติปตนฺติ  จามรา จามรด้ามทองตกอยู่  ดังนี้  เป็น
บุพนิมิตแห่งการย่ำยีเดียรถีย์ทั้งหมด.     การกั้นเศวตรฉัตรเป็นบุพนิมิต
แห่งการได้เศวตรฉัตร     อันประเสริฐปราศจากมลทินด้วยการหลุดพ้น
ด้วยอรหัตมรรค      การเหลียวดูทิศทั้งหมด      เป็นบุพนิมิตแห่งการให้
อนาวรณญาณ    คือความเป็นพระสัพพัญญู,   การเปล่งวาจาอันองอาจ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเป็นไปแห่งธรรมจักร  อันประเสริฐที่ยังไม่เคยเป็น
ไป.  แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้ ก็เสด็จไปเหมือนอย่างนั้น.  อนึ่ง
๑.ม. อุ. ๑๔/๓๗๗. ๒.ขุ. สุ. ๒๕/๓๘๘.