อนึ่ง ความจริงแท่แน่นอน ไม่เป็นอย่างอื่นของ อวิชชา |
มีอรรถว่า เป็นปัจจัยแห่ง สังขาร ฯลฯ ความจริงแท้แน่นอน ไม่ |
เป็นอย่างอื่นของ ชาติ มีอรรถว่า เป็นปัจจัยของ ชรา และ มรณะ. |
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้สิ่งปวงนั้น เพราะฉะนั้น จึงทรงพระนาม |
ว่า ตถาคต เพราะตรัสรู้ความจริงแท้. |
พระนามว่า ตถาคโต เพราะทรงเห็นความจริงแท้นั้น เป็น |
อย่างไร ? ข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้ทรงเห็นรูปารมณ์อันมาสู่คลอง |
จักษุ ในจักขุทวารของสัตว์ทั้งหลายหาประมาณมิได้ ในโลกธาตุอันหา |
ประมาณมิได้ ในโลกพร้อมด้วยเทวโลก ฯลฯ เป็นไปกับด้วยเทวดา |
และมนุษย์มีอยู่โดยอาการทั้งปวง. อนึ่ง รูปารมณ์นั้น พระผู้มีพระ- |
ภาคเจ้าทรงรู้ทรงเห็นทรงจำแนกไว้โดยนัย ๕๒ โดยวาระ ๑๓ โดย |
ชื่อมากมาย โดยนัยมีอาทิว่า รูปที่เรียกว่า รูปายตนะ เป็นไฉน ? |
รูปใดนี้แสงสว่างอาศัย มหาภูตรูป ๔ เป็นไปกับการเห็นได้และ |
มีความกระทบได้ มีสีเขียวคราม สีเหลือง๑ เป็นต้น เป็นความ |
จริงแท้ ไม่มีความเหลวไหล. |
ในเสียงเป็นต้น อันมาสู่คลองในโสตทวารเป็นต้นก็มีนัยนี้. |
แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสไว้ว่า |
|