พาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ในระหว่างต้นสาละคู่ในเวลา |
กลางคืน, และข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส สุตตะ เคยยะ ฯลฯ |
เวทัลละในปฐมโพธิกาลบบ้าง ในมัชฌิมโพธิกาลบ้าง ในปัจฉิมโพธิกาล |
บ้าง ในเวลาประมาณ ๔๕ ปี ในระหว่างนี้, ทั้งหมดนั้น ทั้งโดยอรรถ |
ทั้งโดยพยัญชนะ ไม่มีโทษ ไม่ควรติเตียน ไม่หย่อน ไม่ยิ่ง บริบูรณ์ |
ด้วยอาการทั้งปวง ถอนความมัวเมา ราคะ โทสะ โมหะ, ไม่มีความ |
ผิดพลาด แม้เพียงปลายขนสัตว์ในคำสอนนั้น, ทั้งหมดนั้นเป็นความ |
จริงแท้ ดุจประทับด้วยดวงตราดวงเดียว, ดุจตวงด้วยทะนานเดียว และ |
ดุจชั่งด้วยตราชั่งอันเดียว. ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า |
ดูก่อนจุนทะ ข้อที่ตถาคตตรัสรู้สัมมาสัม- |
โพธิญาณอันยอดเยี่ยม ในเวลากลางคืน, และ |
ข้อที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานใน |
เวลากลางคืน, ข้อที่ตถาคตกล่าวชี้แจงแสดงใน |
ระหว่างนี้ ทั้งหมดนั้นเป็นความจริงแท้ทีเดียว, ไม่ |
เป็นอย่างอื่น เพราะฉะนั้น บัณฑิตจึงขนานพระ- |
นามว่า ตถาคต๑. |
คต ศัพท์ในบทนี้ มีอรรถว่าคำพูด พระนามว่า ตถาคต |
เพราะตรัสอย่างนั้นด้วยประการฉะนี้. |
|
|
อีกอย่างหนึ่ง คำพูด ชื่อว่า อาคท, อธิบายว่า การกล่าว. |
คำกล่าวของพระตถาคตเป็นความจริงไม่เปลี่ยนแปลง เพราะแผล ท |
เป็น ต จึงเป็น ตถาคโต ฉะนั้น พึงทราบสำเร็จในอรรถนี้ |
ด้วยประการฉะนี้. |
พระนามว่า ตถาคโต เพราะกระทำเหมือนอย่างนั้น เป็น |
อย่างไร ? จริงอยู่ กายของพระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมคล้อยตามวาจา, วาจา |
ย่อมคล้อยตามกาย, เพราะฉะนั้น จึงมีว่า พูดอย่างใด ทำอย่างนั้น, |
และทำอย่างใด พูดอย่างนั้น. อธิบายว่า วาจาของพระผู้มีพระภาคนั้น |
เป็นอย่างนี้ ฉันใด, แม้กายก็เป็นไปฉันนั้น. อนึ่ง พระนามว่า |
ตถาคโต เพราะกายเป็นอย่างใด, แม้วาจาก็เป็นไปอย่างนั้น. ด้วย |
เหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า |
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตพูดอย่างใด |
ทำอย่างนั้น, ทำอย่างใด พูดอย่างนั้น. ด้วยเหตุ |
ที่ตถาคตพูดอย่างใด ทำอย่างนั้น, ทำอย่างใด |
พูดอย่างนั้น บัณฑิตจึงขนานพระนามว่า ตถาคต๑. |
พระนามว่า ตถาคต เพราะทำอย่างนั้น ด้วยประการฉะนี้. |
พระนามว่า ตถาคโต ด้วยอรรถว่าครอบงำนั้น เป็นอย่างไร ? |
พระตถาคตทรงทำที่สุด เบื้องบนถึงภวัคคพรหม เบื้องล่างถึงอเวจีแล้ว |
|
|