บัดนี้ เพราะเจตนาและเจตสิกเป็นอันไม่ก้าวล่วงสังวรด้วยกัน, |
ฉะนั้นพระสารีบุตรเมื่อจะประกอบการไม่ก้าวล่วงสังวร โดยลำดับทั่วไป |
ตลอดถึงอรหัตมรรค จึงกล่าวบทมีอาทิว่า ปาณาติปาตํ สํวรฏฺเน |
สีลํ, อวีติกฺกมฏฺเน สีลํ - ชื่อว่าศีล เพราะอรรถว่าสำรวมและไม่ |
ก้าวล่วงปาณาติบาตดังนี้. เพราะการเว้นจากปาณาติบาตเป็นต้น ย่อม |
สำรวมสิ่งเป็นข้าศึกของตน ๆ และย่อมไม่ก้าวล่วงเป็นข้าศึกนั้น, |
ฉะนั้นชื่อว่าศีล เพราะอรรถว่าสำรวม เพราะอรรถว่าไม่ก้าวล่วง เพราะ |
สำรวมและเพราะไม่ก้าวล่วง. |
ในบทเหล่านั้นบทว่า ปาณาติปาตํ สํวรฏฺเน - ได้แก่ ชื่อว่า |
ศีล เพราะอรรถว่าปิดปาณาติบาต. ศีลข้อนั้นคืออะไร ? คือ ปาณา- |
ติปาตา เวรมณี. อนึ่ง ปาณาติปาตา เวรมณี นั้นสำรวมศีลข้อนั้น |
ไม่ก้าวล่วงศีลนั้น เพราะเหตุนั้น ชื่อว่า สีลํ เพราะอรรถว่าไม่ก้าวล่วง. |
ศีลข้อ อทินฺนาทาน เวรมณี เป็นต้น พึงประกอบอนภิชฌาอัพยา- |
บาทและสัมมาทิฏฐิเข้าด้วยกัน. |
ในบทมีอาทิว่า ปาณาติปาตํ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ การ |
ยังสัตว์ให้ตกไปในอกุศลกรรมบถ ๑๐ ชื่อว่า ปาณาติบาต, ท่าน |
อธิบายว่า การประหารสัตว์ การฆ่าสัตว์. |
อนึ่ง ในบทว่า ปาโณ นี้ โดยโวหาร ได้แก่ สัตว์, โดย |
ปรมัตถ์ ได้แก่ ชีวิตินทรีย์. สัตว์มีชีวิตก็รู้ว่ามีชีวิต เจตนาที่จะฆ่า |