| อวิชชานั้นเป็นที่ตั้ง คือเป็นเหตุแห่งการเกิดสังขารทั้งหลาย เพราะเหตุ |
| นั้นจึงชื่อว่า อุปฺปาทฏฺิติ - เป็นเหตุเกิด. |
| ชื่อว่า ปวตฺตฏฺิติ - เป็นเหตุให้เป็นไป เพราะอรรถว่าเป็น |
| เหตุแห่งความเป็นไปแห่งสังขารทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้ว. อธิบายว่า จริง |
| อยู่ อานุภาพของกิจย่อมมีในขณะชนกปัจจัยเกิดนั่นเองโดยแท้, แต่ |
| เพราะความเป็นไปแห่งสังขารทั้งหลายอันชนกปัจจัยนั้นให้เกิด จึงชื่อ |
| ว่าเป็นเหตุ แม้แห่งความเป็นไปในขณะของตน, อีกอย่างหนึ่ง เป็น |
| เหตุแห่งความเป็นไปด้วยอำนาจสันตติ. |
| อนึ่ง บทว่า ปวตฺตํ นี้ เป็นภาววจนะลงในนปุงสกลิงค์, |
| เพราะฉะนั้น ปวตฺตํ จึงเป็นอันเดียวกัน โดยอรรถว่า ปวตติ - ความ |
| เป็นไป. แต่เพราะปวัตติศัพท์ปรากฏแล้ว ท่านจึงอธิบายประกอบด้วย |
| บทว่า ปวตฺตํ นั้น. ิติ ศัพท์ ในความเป็นไม่มีในที่นี้ เพราะ ิติ |
| ศัพท์ แม้ในภาวะก็สำเร็จได้. |
| เพื่อแสดงว่า ิติ ศัพท์ เป็นไปในความว่า เหตุ ท่านจึง |
| กล่าวว่า นิมิตฺตฏฺิติ อธิบายว่า ิติ เป็นเครื่องหมายคือเป็นเหตุ. ไม่ใช่ |
| เพียงเป็นเครื่องหมายอย่างเดียว ที่แท้พระสารีบุตรเมื่อจะแสดงความเป็น |
| ผู้สามารถในปัจจัยว่า ย่อมประมวลมา ย่อมพยายาม เป็นดุจมีความ |
| ขวนขวายในการให้เกิดสังขาร จึงกล่าวว่า อายูหนฏฺิติ อธิบายว่า |
| ิติ เป็นเหตุประมวลมา. เพราะอวิชชาให้สังขารเกิดขึ้น ชื่อว่า ประกอบ |