พึงทราบวินิจฉัยในปฏิจจวาระดังต่อไปนี้ บทว่า อวิชชา |
ปฏิจฺจฺ - อวิชชาอาศัยปัจจัยเป็นไป ความว่า อวิชชา ชื่อว่า ปฏิจฺจา |
เพราะต้องถึงต้องไปเฉพาะหน้าด้วยสังขารทั้งหลาย เพราะเพ่งอวิชชา |
เป็นเหตุของสังขารทั้งหลายในความเกิดของตน. ด้วยบทนี้เป็นอันท่าน |
กล่าวถึงความที่ อวิชชาสามารถให้สังขารเกิด. |
| |
บทว่า สงฺขารา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา - สังขารทั้งหลายอาศัย |
อวิชชาเกิดขึ้น ความว่า สังขารทั้งหลายมิได้เกิดขึ้นเสมอโดยมิได้อาศัย |
อะไร เพราะต้องอาศัยอวิชชาแล้ว จึงเกิดขึ้นเป็นไปอยู่. แม่ในบท |
ที่เหลือก็พึงประกอบโดยสมควรแก่ลิงค์อย่างนี้. อีกอย่างหนึ่งปาฐะว่า |
อวิชฺช ปฏิจฺจ - อวิชชาอาศัยปัจจัยเป็นไป ด้วยสามารถความขวนขวาย |
แต่ความในบทนี้ พึงประกอบด้วยปาฐะที่เหลือว่า อวิชชาอาศัยปัจจัย |
ของตนเป็นไป. แม้ในบทที่เหลือก็อย่างนั้น. ในวาระแม้ ๔ อย่าง |
เหล่านี้ ท่านชี้แจงธรรมฐิติญาณด้วยสามารถแห่งองค์ ๑๑ มีอวิชชา |
เป็นต้น เพราะธรรมฐิติญาณควรชี้แจง ด้วยสามารถปัจจัยแห่งองค์ |
ปฏิจจสมุปบาท ๑๒. แต่ท่านไม่ชี้แจงด้วยสามารถชรามรณะนั้น เพราะ |
ชรามรณะตั้งอยู่ในที่สุด. ธรรมฐิติญาณด้วยสามารถชรามรณะนั้น ทำ |
ชรามรณะให้เป็นปัจจัยแห่งองค์ปฏิจจสมุปบาทเหล่านั้น แล้วพิจารณา |
ควรทีเดียว เพราะแท้ชราและมรณะก็เป็นปัจจัยแห่งโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ |
โทมนัสและอุปายาส. |