๖๖๒    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๖๖๓
นั้น   มีรูปอดีตเป็นต้น  ด้วยสามารถการอุปถัมภ์แห่งสมุฏฐานจากอุตุอา-
หารและจิต    เหล่านั้น.
          พึงทราบด้วยสามารถ   สมัย  ได้แก่  รูป  อันมีสมัยนั้น ๆ  เป็น
ไปด้วยสามารถการสืบต่อกันในสมัยทั้งหลายมีครู่หนึ่งเวลาเช้าเวลาเย็น
กลางคืนและกลางวันเป็นต้น    ชื่อว่า    รูปปัจจุบัน.    ก่อนจากนั้นเป็น
อดีต,  หลังจากนั้นเป็นอนาคต.
         พึงทราบด้วยสามารถ    ขณะ     รูปปัจจุบันเนื่องด้วย ๓ ขณะ
มีอุปาทะเป็นต้น,     ต่อจากนั้นเป็นอนาคต,      หลังจากนั้นเป็นอดีต.
อีกอย่างหนึ่ง     รูปอดีตมีกิจอันเป็นเหตุปัจจัยล่วงไปแล้ว,  รูปปัจจุบัน
มีกิจอันเป็นเหตุจบแล้ว    และมีกิจอันเป็นปัจจัยจบแล้ว,    รูปอนาคตถึง
พร้อมด้วยกิจทั้งสอง.  หรือว่า   รูปปัจจุบันเกิดในขณะกิจของตน,     รูป
อนาคต    ต่อจากนั้น,   รูปอดีตหลังจากนั้น.  อนึ่ง  ในบทนี้   กถามีขณะ
เป็นต้น  เป็นกถาตรง   ที่เหลือเป็นกถาอ้อม.
         บทว่า   อชฺฌตฺตํ   ได้แก่   ในขันธ์แม้  ๕  อย่าง    ในที่นี้ท่าน
ประสงค์รูปภายในของตนเอง,  เพราะฉะนั้น   พึงทราบว่า   รูปเฉพาะ
บุคคลเป็นไปในสันดานของตน ๆ  ชื่อว่า  อชฺฌตฺตํ.
           รูปภายนอกจากนั้นอันเนื่องด้วยอินทรีย์ก็ตาม       ไม่เนื่องด้วย
อินทรีย์ก็ตาม  ชื่อว่า  พหิทฺธา.
               บทว่า   โอฬาริกํ  ได้แก่  รูป  ๑๒  อย่าง  คือ  จักขุ  โสตะ
ฆานะ    ชิวหา   กาย     รูป    เสียง    กลิ่น    รสและโผฏฐัพพะ   ได้แก่
ปฐวีธาตุ   เตโชธาตุ   วาโยธาตุ   ชื่อว่า  โอฬาริก   เพราะควรถือเอาด้วย
สามารถการสืบต่อกัน.  ส่วนรูปที่เหลือ  ๑๖  อย่าง  คือ อาโปธาตุ  อิตถิน-
ทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หทยวัตถุ  โอชา  อากาสธาตุ   กายวิญญัตติ
วจีวิญญัตติ  รูปัสสลหุตา   มุทุตา  กัมมัญญตา  อุปจยะ  สันตติ   ชรดา
อนิจจตา    ชื่อว่า    สุขุม    เพราะไม่ควรถือเอาด้วยสามารถการสืบต่อ.
             พึงทราบความทรามและความประณีต  ในบทนี้ว่า   หีนํ  วา ปณีตํ
วา   โดยอ้อมหรือโดยตรง.  ในบทนั้น  รูปของพรหมชั้นสุทัสสี  เป็นรูป
ทรามกว่ารูปของพรหมชั้นอกนิษฏฐ์    รูปพรหมชั้นสุทัสสีนั้นนั่น
แหละประณีตกว่ารูปของพรหมชั้นสุทัสสา  พึงทราบความทรามและ
ความประณีต  โดยปริยายตลอดถึงรูปของสัตว์นรก. รูปที่เป็นอกุศลวิบาก
เกิดขึ้นเป็นรูปทราม,  รูปที่เป็นกุศลวิบากเกิดขึ้นเป็นรูปประณีต.
             พึงทราบความในบทว่า  ยํ  ทูเร สนฺติเก  วา  นี้   รูปใด  สุขุม
รูปนั้นแล    ชื่อว่า    ทูเร   เพราะมีสภาวะที่แทงตลอดได้ยาก.    รูปใด
หยาบ    รูปนั้นชื่อว่า   สนฺติเก    เพราะมีสภาวะที่แทงตลอดได้ง่าย.
              พึงทราบความในบทนี้ว่า  สพฺพํ  รูปํ  อนิจฺจโต  ววตฺเถติ  เอกํ
สมฺมสนํ,  ทุกฺขโต   ววตฺเถติ  เอกํ  สมฺมสนํ,  อนตฺตโต  ววตฺเถติ
เอกํ  สมฺมสนํ - ภิกษุกำหนดรูปทั้งปวงโดยความเป็นของไม่เที่ยง   การ