อนึ่ง ในเวทนาเป็นต้นนี้ โลกุตรธรรมใดมาแล้วในธรรม |
ทั้งหลาย. ที่ย่อโดยไปยาลว่า จกฺขุ ฯเปฯ ชรามรณํ, ธรรมเหล่านั้น |
ไม่พึงถือเอาในที่อธิการนี้ เพราะเข้าไปใกล้อสัมมสนญาณ. ธรรม |
เหล่านั้น ท่านกล่าวไว้ด้วยสามารถการแสดงธรรมที่ท่านสงเคราะห์ด้วย |
บทนั้น ๆ อย่างเดียว และโดยนัยมาแล้ว ในอภิญเญยยนิทเทส. อนึ่ง |
แม้ธรรมเหล่าใดเข้าถึงสัมมสนญาณ, ในธรรมเหล่านั้น ธรรมเหล่าใด |
ปรากฏแก่ญาณใด ย่อมถึงการกำหนดถือเอาได้โดยง่าย, ในธรรม |
เหล่านั้น พึงปรารภสัมมสนญาณ ด้วยญาณนั้น. พึงทราบว่า ท่าน |
กล่าวถึงสัมมสนญาณ ด้วยสามารถญาณเหล่านั้น โดยปริยายว่า เมื่อ |
พิจารณาธรรม มีชาติชราและมรณะ ในความไม่มีสัมมสนญาณต่างหาก |
ด้วยสามารถชาติชราและมรณะ แม้ญาณเหล่านั้นก็เป็นอันได้พิจารณา |
แล้ว. |
แม้ไม่แตะต้องความต่างมี อัชฌัตตะ เป็นต้น เพราะท่านกล่าว |
สัมมสนญาณไว้ด้วยสามารถแห่งติกะอันเป็นอดีต โดยนัย มีอาทิว่า |
อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจโต ววตฺเถติ - พระโยคาวจรย่อม |
กำหนดอดีต อนาคต ปัจจุบัน โดยความเป็นของไม่เที่ยง แม้กำหนด |
ด้วยสามารถแห่งอตีตติกะแล้ว ก็พึงทำสัมมสนญาณ โดยความเป็นของ |
ไม่เที่ยงเป็นต้นนั่นแล. |
๑๐๑ - ๑๐๒ ] ก็เพราะรู้สิ่งที่ไม่เที่ยง มีประเภทเป็นสังขตะ |