๖๘๖    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๖๘๗
            บทว่า   อาหารนิโรธา    รูปนิโรโธ - เพราะอาหารดับรูปจึงดับ
ได้แก่   ความไม่มีรูปอันมีอาหารนั้นเป็นสมุฏฐานย่อมมีได้    ในเพราะ
ความไม่มีกวฬิงการาหาร   อันเป็นปัจจัยแห่งความเป็นไป.
            บทว่า  วิปริณามลกฺขณํ -  มีความแปรปรวนเป็นลักษณะ  ได้
แก่     ความดับแห่งรูปด้วยสามารถ     อัทธา - กาล    สันตติและขณะ,
ความดับนั่นแล   ท่านกล่าวว่า   เป็นลักษณะ     เพราะเป็นลักษณะแห่ง
สังขตะ.
            บทว่า  ปญฺจ  ลกฺขณานิ - ลักษณะ ๕  ในบทนี้  ได้แก่  ดับ
ความไม่มี   อวิชชา  ตัณหา  กรรม และอาหาร  ๔,  ความแปรปรวน ๑
รวมเป็น ๕.  ในเวทนาขันธ์เป็นต้น   ก็มีนัยนี้.     แต่ต่างกัน  คือ การ
เห็นความเกิดและความเสื่อมแห่งอรูปขันธ์ด้วยสามารถแห่งอัทธา - กาล
และสันตติ  มิใช่ด้วยขณะ. ผัสสะเป็นปัจจัยแห่งความเป็นไปของเวทนา-
ขันธ์   สัญญาขันธ์  และสังขารขันธ์,   นิโรธเป็นปัจจัยแห่งความเป็นไป
ของเวทนาขันธ์   สัญญาขันธ์   และสังขารขันธ์    เพราะดับผัสสะนั้น.
นามรูปเป็นปัจจัยแห่งความเป็นไปของวิญญาณขันธ์.    นิโรธเป็นปัจจัย
แห่งวิญญาณขันธ์  เพราะดับนามรูปนั้น.
            แต่อาจารย์พวกหนึ่งกล่าวว่า  นามรูปไม่แตะต้องการจำแนกอดีต
เป็นต้น   ในเพราะเห็นความเกิดและความเสื่อมโดยปัจจัย ๔ แล้วเกิดขึ้น
ด้วยอวิชชาเป็นต้น   ด้วยสามารถความเสมอกันทั้งหมด   เพราะเหตุนั้น
จึงถือเอาเหตุสักว่าความเกิดขึ้น   มิใช่ความเกิด.    เพราะอวิชชาเป็นต้น
ดับนามรูปจึงดับ   เพราะเหตุนั้น  จึงถือเอาเหตุสักว่าความไม่เกิด    มิใช่
ถือเอาความดับ.  นามรูป  ได้แก่   พระโยคาวจร    ย่อมถือเอาความเกิด
ความดับแห่งขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปัจจุบัน      ในเพราะการเห็นความเกิด
และความเสื่อมโดยขณะดังนี้.
            ผู้เจริญวิปัสสนา   เมื่อเจริญวิปัสสนาใส่ใจถึงความเกิดและความ
เสื่อมโดยความเป็นปัจจัยก่อนแล้วและธรรม ๔ มีอวิชชาเป็นต้น     ใน
ขณะเจริญวิปัสสนาถือเอาขันธ์ทั้งหลาย  ที่มีความเกิดและความเสื่อมนั่น
แล  แล้วจึงเห็นความเกิดและความเสื่อมของขันธ์เหล่านั้น.  เมื่อผู้เจริญ
วิปัสสนาอย่างนี้เห็นความเกิดและความเสื่อม    โดยพิสดาร    โดยปัจจัย
และโดยลักษณะว่า   ความเกิดแห่งรูปเป็นต้นอย่างนี้,   ความเสื่อมอย่าง
นี้,  รูปเป็นต้นเกิดขึ้นอย่างนี้,   เสื่อมไปอย่างนี้   ญาณว่า   นัยว่าธรรม
เหล่านี้ไม่มี  แล้วมี  มีแล้วเสื่อมดังนี้  เป็นญาณบริสุทธิ์กว่า. ประเภทของ
สัจจะปฏิจจสมุปปาทนัย   และลักษณะย่อมปรากฏ.    พระโยคาวจรนั้น
ย่อมเห็นความเกิดขันธ์ทั้งหลาย    เพราะอวิชชาเป็นต้นเกิด    และ
ความดับแห่งขันธ์ทั้งหลาย   เพราะอวิชชาเป็นต้นดับ,   นี้เป็นการเห็น
ความเกิดและความดับโดยปัจจัยของพระโยคาวจรนั้น.
            อนึ่ง   พระโยคาวจร    เมื่อเห็นความเกิดเป็นลักษณะ    ความ
แปรปรวนเป็นลักษณะ  ชื่อว่าย่อมเห็นความเกิดและความเสื่อมของขันธ์