๗๐๘    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๗๐๙
ความเป็นไวพจน์ของธรรมเหล่านั้น.  สองบทนี้   คือ  นิพฺพตฺติ  ชาติ
เป็นไวพจน์ของอุปาทะและของปฏิสนธิ.  ของบทนี้   คือ  คติ อุปปตฺติ
เป็นไวพจน์ของความเป็นไป,   ชราเป็นต้นเป็นไวพจน์ของนิมิต.   ดังที่
ท่านกล่าวไว้ว่า
                    อุปฺปาทญฺจ   ปวตฺตญฺจ   นิมิตฺตํ ทุกฺขนฺติ  ปสฺสติ
                    อายูหนํ  ปฏิสนฺธ          าณํ อาทีนเว  อิทนฺติจ.
                    อิทํ  อาทีนเว  าณํ         ปญฺจฏฺ€าเนสุ   ชายตีติจ.
                               พระโยคาวจรย่อมเห็นอุปาทะ - ความเกิด
                    ปวัตตะ - ความเป็นไป   นิมิต - เครื่องหมาย   อายู-
                    หนะ - กรรมเป็นเหตุให้ถือปฏิสนธิ   และปฏิสนธิ-
                    การเกิดว่าเป็นทุกข์  นี้เป็นอาทีนวญาณ   และอาที-
                    นวญาณนี้ย่อมเกิดขึ้นฐาน ๕.
            อนึ่ง  คำว่า ภยนฺติ  ในทุกบท  ตัดบทเป็น  ภยํ  อิติ.  บทว่า
ภยํ   ชื่อว่า  ภัย   เพราะมีภัยเฉพาะหน้า   โดยประกอบด้วยความบีบ
คั้น.  บทว่า  อิติ เป็นการแสดงเหตุของภยตูปัฏฐานญาณ.
            ส่วนบทมีอาทิว่า อนุปฺปาโท  เขมนฺติ   สนฺติปเท  าณํ - ญาณ
ในสันติบทว่า  ความไม่เกิดเป็นความปลอดภัย  ท่านกล่าวเพื่อแสดงญาณ
อันเป็นปฏิปักษ์ต่ออาทีนวญาณ.   อีกอย่างหนึ่ง   บทนี้ท่านกล่าวไว้เพื่อ
ให้เกิดความปลอดโปร่งใจว่าแม้หทัยที่สะดุ้ง     เพราะเห็นโทษด้วยภยตู-
ปัฏฐานฌานไม่มีภัย  มีความปลอดภัยคือไม่มีโทษ.
             อีกอย่างหนึ่ง  เพราะจิตของผู้ที่มีอุปาทะเป็นต้นตั้งไว้ด้วยดี โดย
ความเป็นภัย   น้อมไปเพื่อความเป็นปฏิปักษ์ต่อภัยนั้น,  ฉะนั้น พึงทราบ
ว่า   บทนี้   ท่านกล่าวเพื่อแสดงถึงอานิสงส์ของอาทีนวญาณ   อันสำเร็จ
แล้วด้วยภยตูปัฏฐานญาณ.
             บทมีอาทิว่า  อนุปฺปาโท  อปฺปวตฺตํ - ความไม่เกิด   ความไม่
เป็นไป  ได้แก่  นิพพานนั่นเอง.
             บทว่า  สนฺติปเท - ในสันติบท  ได้แก่  ในส่วนแห่งสันติ  คือ
ในนิพพาน.       จริงอยู่      แม้ญาณเกิดขึ้นเพราะถือเอาความต่างกันว่า
สนฺติปทํ  ด้วยการได้ฟังมา.  ท่านก็กล่าวว่า  สนฺติปเท  าณํ -  ญาณ
ในสันติบท  ดังนี้.
            บทมีอาทิว่า  อุปฺปาโท  ภยํ,  อนุปฺปาโท  เขมํ - ความเกิดเป็น
ภัย,  ความไม่เกิดปลอดภัย ท่านย่อบททั้งสอง  ด้วยสามารถเป็นฝ่ายตรง
กันข้ามต่อกัน   แล้วกล่าวถือญาณที่เกิดขึ้น.
            อนึ่ง ในบทนี้  เพราะภัยเป็นทุกข์แน่นอน.  และสิ่งใดเป็นทุกข์
สิ่งนั้นชื่อว่ามีอามิส  เพราะไม่พ้นไปจากอามิส  คือ วัฏฏะ  อามิส  คือ
โลก  และอามิสคือกิเลส.   อนึ่ง   สิ่งใดมีอามิส    สิ่งนั้นเป็นเพียงสังขาร
เท่านั้น.  เพราะฉะนั้น  ท่านจึงกล่าวบทมีอาทิว่า  อุปฺปาโท  ทุกฺขนฺติ