ท่านผู้ปราศจากราคะ. มีความต่างกันโดยสภาพที่ยังไม่เสร็จกิจและโดย |
สภาพที่เสร็จกิจแล้วอย่างนี้. |
| |
[๑๓๑]การน้อมจิตไปในสังขารุเปกขาของปุถุชน ของพระ- |
เสขะและของท่านผู้ปราศจากราคะ มีความต่างกันอย่างไร ? |
ปุถุชนย่อมพิจารณาสังขารุเปกขาเพื่อจะละสังโยชน์ ๓ เพื่อ |
ต้องการได้โสดาปัตติมรรค พระเสขะย่อมพิจารณาสังขารุเปกขาเพื่อ |
ต้องการได้มรรคชั้นสูงขึ้นไป เพราะเป็นผู้ละสังโยชน์ ๓ ได้แล้ว ท่าน |
ผู้ปราศจากราคะย่อมพิจารณาสังขารุเปกขา เพื่อต้องการอยู่เป็นสุขใน |
ปัจจุบัน เพราะเป็นผู้ละกิเลสทั้งปวงได้แล้ว การน้อมจิตไปในสังขารุ- |
เปกขาของปุถุชน ของพระเสขะและของท่านผู้ปราศจากราคะ มีความ |
ต่างกันโดยสภาพที่ละกิเลสได้แล้วและโดยสภาพที่ยังละกิเลสไม่ได้อย่าง |
นี้. |
[๑๓๒] การน้อมจิตไปในสังขารุเปกขา ของพระเสขะและ |
ของท่านผู้ปราศจากราคะ มีความต่างกันอย่างไร ? |
พระเสขะยังยินดีสังขารุเปกขาบ้าง ย่อมเห็นแจ้งสังขารุเปกขา |
บ้างพิจารณาแล้วเข้าผลสมาบัติบ้าง ท่านผู้ปราศจากราคะย่อมเห็นแจ้ง |
สังขารุเปกขาบ้างพิจารณาแล้วเข้าผลสมาบัติบ้าง วางเฉยสังขารุเปกขา |
นั้นแล้ว ย่อมอยู่ด้วยสุญญตวิหารสมาบัติ อนิมิตตวิหารสมาบัติ หรือ |
อัปปณิหิตวิหารสมาบัติ การน้อมจิตไปในสังขารุเปกขาของพระเสขะ |