วิหาร. เมื่อเห็นปณิธิ โดยความน่ากลัว ย่อม |
เห็นความเสื่อมถูกต้องแล้ว ๆ ย่อมเห็นความเสื่อม |
เพราะมีจิตน้อมไปในอัปปณิหิตนิพพาน ชื่อว่า |
อัปปณิหิตวิหาร๑. |
จิตของพระอรหันต์นั่นแล ย่อมเป็นไปในอำนาจโดยอาการทั้งปวง โดย |
ความมีฉฬังคุเบกขา และโดยมีวิหารธรรมมีความสำคัญในสิ่งปฏิกูลว่า |
ไม่เป็นปฏิกูลเป็นต้น, จากนั้นท่านอธิบายว่า วิปัสสนาวิหารย่อมสำเร็จ |
แก่พระอรหันต์เท่านั้น.ในบทนี้ว่า วีตราโค สงฺขารุเปกฺขํ วิปสฺสติ - |
ผู้ปราศจากราคะย่อมเห็นแจ้งสังขารุเบกขา มีความว่า วิปัสสนายังไม่ |
ถึงภัย ๓ อย่าง และอธิมุตติ ๓ อย่าง พึงทราบว่า เป็นวิปัสสนาสิ้น |
เชิง. เมื่อเป็นอย่างนั้นย่อมมีความวิเศษทั้งก่อนและหลัง. |
บัดนี้ พระสารีบุตรประสงค์จะแสดงประเภทของความเป็นอัน |
เดียวกันและความต่างกันแห่งสังขารุเบกขา ด้วยสามารถบุคคล ๒ - ๓ |
ประเภท จึงกล่าวบทมีอาทิว่า กถํ ปุถุชฺชนสฺส จ เสกฺขสฺส. |
ในบทเหล่านั้น บทว่า จิตฺตสฺส อภินีหาโร เอกตฺตํ โหติ - |
ความน้อมไปแห่งจิตเป็นอย่างเดียวกัน คือ เป็นอันเดียวกัน. พึงทราบ |
ว่า เป็น ภาววจนะ ลงใน สกัตถะ. ท่านกล่าวว่า อิทปฺปจฺจยตา |
ก็เหมือน อิทปฺปจฺจยา. เอกตฺตํ ก็คือ เอโก นั่นเอง. |
|